xs
xsm
sm
md
lg

สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโตปี 66

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาด crypto ในปี 2023 สะท้อนให้เห็นถึงขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงสำหรับ crypto โดยที่ Bitcoin ( BTC ) ประสบกับการเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YTD) ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจทั่วโลก

โดยในปีนี้จำนวนผู้ใช้ crypto เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 575 ล้านคน ขณะที่นวัตกรรมของบล็อกเชนในโลกคริปโตก็มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเหรียญเสมือนที่ผูกกับดอลล่าร์สหรัฐโดเมนและโซเชียลมีเดียบนบล็อกเชนที่พร้อมเปิดรับ web3

ในขณะที่เหรียญ stablecoin แบบดั้งเดิมอย่าง USDT และ USDC ยังคงครองอำนาจความเป็นเหรียญยอดนิยมต่อไป

ทั้งนี้แม้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรม crypto จะแสดงให้เห็นว่าการระดมทุนลดลงเหลือ 7.96 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังเผยให้เห็นถึงความสนใจที่ยั่งยืนในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบอนุพันธ์มากกว่าการซื้อขายแบบทันที

นอกจากนี้ ด้านระบบการรักษาความปลอดภัย ยังคงเป็นจุดสนใจที่สำคัญ โดยมีการสูญเสียทั้งหมดจากการถูกแฮ็กเกอร์โจมตีมีปริมาณลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามยังเป็นข้อกังวลที่สำคัญ เมื่อพบว่ายังมียอดความสูญเสียจากการโจมตีของแฮ็กเกอร์ไม่น้อยกว่า 3.7 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่การเคลื่อนไหวด้านกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับโุแลด้านสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร มีบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบตลาด crypto ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกา สถาบันการเงินเช่น PayPal และ Blackrock ก็ได้แสดงความสนใจเพิ่มขึ้นในการลงทุน crypto

FTX เข้าสู่กระบวนการศาล
Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้งบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล FTX ต้องเผชิญกับการพิจารณาคดีหลังการล้มละลายครั้งใหญ่ของบริษัทในเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยอัยการกล่าวหาว่า Bankman-Fried ใช้เงินทุนของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ FTX รวมถึงการลงทุนที่มีความเสี่ยง การซื้ออสังหาริมทรัพย์ และการใช้เงินเพื่อหวังผลทางการเมือง

ในการตัดสินของศาลชั้นต้น Bankman-Fried ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อกล่าวหาทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการฉ้อโกง การฉ้อโกง และการสมรู้ร่วมคิดทางอาญา หลังจากการพิจารณาคดีนานหนึ่งเดือนและการพิจารณาของคณะลูกขุนนานกว่าสี่ชั่วโมง ตอนนี้เขาเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 110 ปี โดยมีกำหนดโทษจำคุกในเดือนมีนาคม 2567

ผลลัพธ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นกับ FTX นี้เกิดขึ้นเกือบหนึ่งปีหลังจากการล้มละลายของ FTX เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกำกับดูแลที่เข้มงวด และการจัดการด้านจริยธรรมในพื้นที่ crypto ซึ่งเป็นแบบอย่างสำหรับสำหรับวิธีการจัดการกรณีที่คล้ายคลึงกันที่จะเกิดขึ้นในอุตฯคริปโตในอนาคต 
ปัญหาด้านกฎระเบียบของ Binance

ในปี 2566 Binance หนึ่งในกระดานเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผชิญกับความท้าทาย ด้านกฎระเบียบที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่สำคัญอีกครั้งในภาพรวมตลาดสกุลเงินดิจิทัลสำหรับปีนี้ ล่าสุด Binance ยอมจำนนต่อข้อกล่าวหาและหลักฐานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) และกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการพิจารณาตามข้อฏกหมายของกระทรวงยุติธรรม (DoJ) ซึ่ง Binance ยอมรับว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน และการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา

CFTC ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และอนุพันธ์ รวมถึง Bitcoin ได้ทำการสอบสวน Binance ตั้งแต่ปี 2561 เรื่องการฟอกเงินและการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่อาจเกิดขึ้น โดยหลักฐานซึ่งถูกรวบรวมย้อนหลังไปหลายปีพบว่า Binance ปรับแต่งบัญชีเพื่อหลบเลี่ยงเส้นทางการเงินอย่างน้อย 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จากการสอบสวนเหล่านี้ Binance ถูกกล่าวหาว่าจงใจหลีกเลี่ยงกฎหมายของสหรัฐอเมริกา และล้มเหลวในการดำเนินขั้นตอนการปฏิบัติตามที่ออกแบบมา เพื่อป้องกันและตรวจจับการจัดหาเงินทุนของการก่อการร้ายและการฟอกเงิน​​

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้ Binance ได้ตกลงที่จะทำการเปลี่ยนแปลงองค์กรที่สำคัญ รวมถึงเพิ่มมาตรการในการตรวจจับและวิเคราะห์การต่อต้านการฟอกเงิน และสร้างกระบวนการตรวจสอบยืนยันตัวตนและพิสูจน์อัตลักษณ์ของลูกค้าหรือ KYC ที่เข้มงวด

"ฉางเผิง จ้าว" บอสใหญ่ผู้ก่อตั้ง Binance ลาออก

ฉางเผิง จ้าว (Changpeng Zhao) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “CZ” CEO และผู้ก่อตั้ง Binance ประกาศลาออก จากตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของ Binance ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 ส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างมีนัยยะสำคัญต่อภาพรวมของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งการลาออกของ CZ เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ Binance และ CZ ถูกตั้งข้อหาทางอาญาในหลายข้อกล่าวหา นอกจากนี้ ทางการสหรัฐยังได้กำหนดเงื่อนไขสำคัญในการบีบให้ CZ ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่จ่ายให้ทางการเป็นมูลค่ากว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ โดยข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการสอบสวน Binance หลายครั้งเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายต่างๆ รวมถึงการละเมิดการป้องกันการฟอกเงิน สถานการณ์ที่นำไปสู่การลาออกของ CZ มีความซับซ้อน โดยเกี่ยวพันด้านผลประโยชน์เชิงซ้อนกับหน่วยงานกำกับดูแลของหรัฐหลายแห่ง เช่น DoJ และ CFTC

แม้ว่าตลาดคริปโตจะมีความวุ่นวาย จากการลงจากเก้าอี้ของ ฉางเผิง จ้าว แต่ธุรกิจศูยน์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตจะล้มไม่ได้ ทำให้ Binance มีความจะเป็นที่จะต้องปรับรูปแบบองค์กรเพื่อความอยู่รอด และดำเนินธุรกิจต่อไปตามปกติ ซึ่งการเปลี่ยนเอา "ริชาร์ด เทง" ซึ่งมีประสบการณ์คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมการเงินของสิงคโปร์มานานนับสิบปี ช่วยกู้ศรัทธาและลดความหวาดกลัวของผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ของการดำเนินกิจ และความเสียหายที่อาจซ้ำรอย FTX ลงไปได้บ้าง
 
ขณะที่การต่อสู้ฟ้องร้องทางกฎหมายระหว่าง Ripple Labs Inc. (XRP) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นการลงทุนในตลาด crypto ปี 2566 ซึ่งทำให้เกิดการตั้งคำถามมากมายต่อการมีอยู่ของสินทรัพย์ดิจัลและความยั่งยืน ตลอดจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบของสินทรัพย์ดิจิทัล

ในการพิจารณาคำตัดสินครั้งสำคัญ Analisa Torres ผู้พิพากษาเขต ของสหรัฐอเมริกา ตัดสินว่าการขายโทเค็น XRP ของ Ripple ในการแลกเปลี่ยนสาธารณะ ไม่ได้ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง ซึ่งคำตัดสินนี้ ถือเป็นชัยชนะทางกฎหมายครั้งสำคัญและเป็นครั้งแรกของบริษัทสกุลเงินดิจิทัล ที่มีต่อการต่อสู้ทางกฏหมายกับสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการพิจารณาคดีมูลค่าของ XRP ก็ตอบรับกระแสข่าวชัยชนะต่อ ก.ล.ต. ทันที ด้วยการปรับตัวพุ่งสูงขึ้น โดยคำตัดสินของศาล ซึ่งถ้าลงลึกในรายละเอียดข้อเท็จจริงของคดี Ripple ส่งผลต่อแนวโน้ม ที่จะมีอิทธิพลต่อการต่อสู้ทางกฎหมายของบริษัท crypto อื่น ๆ กับ SEC

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่า Ripple จะชนะทางคดีต่อ ก.ล.ต.ในข้อกล่าวหาทั้งหมด เพราะการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นทาง ก.ล.ต. ก็ได้รับชัยชนะในบางข้อกล่าวหาในกรณีเดียวกัน ศาลพบว่าการขาย XRP โดยตรงของ Ripple ให้กับนักลงทุนที่มีความซับซ้อน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 728.9 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน และมีความผิดตามกฏหมาย ซึ่งทางการสหรัฐมีกำหนดการพิจารณาความผิดในคดีดังกล่าวของ Ripple ในวันที่ 23 เมษายน 2024

ทั้งนี้ผลของคดี Ripple มีผลกระทบอย่างมากต่อความพยายามบังคับใช้ของ ก.ล.ต. ต่อการแลกเปลี่ยน crypto และตัวกลาง ทำให้เป็นเหตุการณ์สำคัญหนึ่งในปีนี้ที่อยู่ระหว่างการร่างกฏหมายและทบทวนกำหนดเขตการกำกับดูแลหลักทรัพย์ดิจิทัล

การพิจารณาคดีของ โด ควอน

ในปี 2566 การบริหารงานที่ผลิดพลาดของ Do Kwon อดีต CEO ของ Terraform Labs ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในโลกสกุลเงินดิจิทัล กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญในภาพรวมตลาดสกุลเงินดิจิทัลในปี 2565 และ 2566

โด ควอน และฮันชางจุน อดีตเจ้าหน้าที่การเงินของ Terraform Labs ถูกควบคุมตัวขณะพยายามขึ้นเครื่องไปยังดูไบ ก่อนที่จะถูกตัดสินจำคุก 4 เดือนฐานใช้หนังสือเดินทางปลอม โดยเจ้าหน้าที่มอนเตเนโกร พบว่าเขาถือหนังสือเดินทางปลอมในคอสตาริกา เอกสารหนังสือเดินทางผู้ประกอบธุรกิจเบลเยียม แล็ปท็อป และอุปกรณ์อื่นๆ อยู่ในกระเป๋าเดินทางของพวกเขา
การพิจารณาคดีในมอนเตเนโกรเป็นส่วนหนึ่งของความท้าทายทางกฎหมายในวงกว้างสำหรับโด ควอน นอกเหนือจากการเผชิญข้อกล่าวหาในมอนเตเนโกรแล้ว เขายังถูกฟ้องในสหรัฐฯ อีก 8 กระทง ซึ่งรวมถึงการฉ้อโกงหลักทรัพย์ การฉ้อโกงทางธนาคาร การฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์ และการสมรู้ร่วมคิดในการหลีกเลี่ยงภาษีและการฟอกเงิน

ทั้งนี้คดีของ โด ควอน อยู่ระหว่างคำตัดสินของศาลมอนเตเนโกร ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ว่าจะไปยังเกาหลีใต้หรือสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เขายังต้องเผชิญข้อหาปลอมเอกสาร ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิพากษาและอาจต้องโทษจำคุก

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางกฎหมายของ Do Kwon และผลกระทบจากการปรับแต่งค่าการแปลงเหรียญ LUNA ของเขาจนทำให้ธุรกิจล้มละลาย สะท้อนถึงธรรมาภิบาลในอุตสาหกรรมคริปโตและความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและความโปร่งใสภายในอุตสาหกรรม crypto ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความโดดเด่นมากขึ้นในปีนี้ในการทบทวนภาค crypto ของทั้งผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด

Bitcoin ฟื้นพุ่งสูงกว่า $40,000

ตลอดปี 2023 Bitcoin กลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยทะยานขึ้นเหนือระดับ 40,000 ดอลลาร์ได้อย่างน่าประทับใจภายในเดือนธันวาคม โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน โดยปิดราคาในปี 2566 ที่ $42,560 ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการคาดหวังการยอมรับบิทคอยน์เพื่อการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมอนุมัติสปอต bitcoin ETF ของกองทุนขนาดใหญ่หลายแห่ง โดยหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ ก.ล.ต. สหรัฐ

ดังนั้นในปี 2566 นี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นปีที่ดีอย่างน่าประหลาดใจสำหรับ Bitcoin ซึ่งได้เห็นการก้าวกระโดดมากกว่า 130% นับตั้งแต่ต้นปี กลับมาแซงหน้าสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น ทองคำ และ S&P 500 INDEX

นอกจากนี้ ส่วนแบ่งของ Bitcoin ในตลาดสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน จาก 38% เป็นมากกว่า 50%

การฟื้นตัวนี้เป็นไฮไลท์สำคัญในปี 2566 นี้ ทำให้กลุ่มนักลงทุนต่างๆหันกลับมามองและทบทวนตลาดสกุลเงินดิจิทัล และชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ​​

Bitcoin ETF การดิ้นรนเพื่อสร้างการยอมรับ

การนับเวลาถอยหลังที่จะอนุมัติ Bitcoin Sport ETF ในสหรัฐอเมริกาเป็นประเด็นสำคัญในภาพรวมตลาด crypto ปี 2566 โดย ณ เดือนธันวาคม 2566 ผู้จัดการสินทรัพย์หลายรายได้ยื่นข้อเสนอเปิดขาย Bitcoin Sport ETF โดยกลุ่มกองทุนที่สำคัญซึ่งมีบทบาทในโลกคริปโต ได้แก่ BlackRock, Fidelity, VanEck, ARK invest , 21Shares และอื่นๆ อีกมากมาย

บริษัทเหล่านี้มีส่วนร่วมในการหารือและจุดยืนร่วมกันกับกับ SEC โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ เช่น การจัดการด้านการดูแล การเปิดเผยความเสี่ยงของนักลงทุน และกลไกการสร้างและการไถ่ถอน ETF

การอนุมัติ Bitcoin ETF คาดว่าจะเปิดประตูให้โลกการลงทุนในวงกว้างขึ้น รวมถึงนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน เพื่อให้ได้รับการการันตีความน่าเชื่อถือ และการกำกับความเสี่ยงของ Bitcoin ในกรอบการทำงานที่ได้รับการควบคุม โดยไม่ต้องยุ่งยากในการจัดการกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือจัดการกับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

ในอดีต ก.ล.ต. ไม่เชื่อเกี่ยวกับ Bitcoin ETFs โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการปั่นป่วนของตลาดคริปโตและความจำเป็นในการคุ้มครองนักลงทุนอย่างเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม คำตัดสินที่สนับสนุนการยื่นขออนุมัติของ Grayscale โดยศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ในปี 2566 ซึ่งศาลลงความเห็นว่า การปฏิเสธการสมัคร ETF ของ Grayscale โดย SEC นั้นไม่ยุติธรรม ส่งผลให้มีทัศนะเชิงบวกสำหรับการอนุมัติของ Bitcoin Sport ETF ที่อาจเกิดขึ้น​​​​

การอนุมัติ Bitcoin ETF จะถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือของตลาด crypto ในปี 2566 และเริ่มซื้อขายได้ในปี 2567 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการเติบโตของตลาด cryptocurrency และอาจเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพและแนวโน้มที่สังเกตได้ในอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา : cryptonews


กำลังโหลดความคิดเห็น