xs
xsm
sm
md
lg

เม็ดเงินกองทุนหนุนหุ้นไทยปิดส่งท้ายปี +5.42 จุด โบรกฯ แนะจับตา January Effect เปิดเทรดต้นปี 67

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยส่งท้ายปี 66 ปิด +5.42 จุด นักวิเคราะห์ชี้แรงหนุนเม็ดเงินเข้าจากกองทุนลดภาษีไหลเข้าเก็บช่วงโค้งสุดท้ายของปี 66 เข้าหนุนดัชนี มองเป้าดัชนี SET ที่ 1,640 จุด เดือนแรกลุ้น January Effect ภาพเศรษฐกิจไทยฟื้นจากส่งออกและการบริโภค เปิดมาเดือน ม.ค.67 ประเมินแนวต้านที่ 1,460 จุด และแนวรับที่ 1,380 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.42 จุด หรือ +0.38% โดยปิดตลาดที่ 1,415.85 จุด มูลค่าซื้อขาย 47,793.66 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายวันนี้ดัชนีแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,418.98 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,410.87 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 350 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 178 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 128 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า +3,971.83 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +52.24 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -3,884.42 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -139.66 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,508.20 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
2.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,624.91 ล้านบาท ปิดที่ 106.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,321.60 ล้านบาท ปิดที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
4.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,028.01 ล้านบาท ปิดที่ 88.00 บาท ลดลง 3.25 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,996.90 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท ลดลง 0.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 306.00บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 1.66%
2.BBL ปิดที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 2.96%
3.SCB ปิดที่ 106.00บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 2.42%
4.KBANK ปิดที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00บาท หรือ 1.50%
5.BH ปิดที่ 222.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.91%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 88.00 บาท ลดลง 3.25 บาท หรือ 3.56%
2.ADVANC ปิดที่ 217.00บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.91%
3.THG ปิดที่ 54.25บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.81%
4.CBG ปิดที่ 82.50บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.20%
5.AOTปิดที่ 59.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.83%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,938.83 จุด เพิ่มขึ้น 4.65 จุด หรือ 0.24% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 875.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.46 จุด หรือ 0.17% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 411.61 จุด เพิ่มขึ้น 6.02 จุด หรือ 1.48%

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันสุดท้ายของปีดีดขึ้นมาปิดบวกได้ มูลค่าการซื้อขายกลับมาหนาแน่นกว่าช่วงต้นสัปดาห์ เก็งรับเม็ดเงินกองทุนลดภาษี รวมถึง TESG ไหลเข้ามาในโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ซึ่งหุ้นกลุ่ม ESG มีผลต่อดัชนี 0.4%

อย่างไรก็ตาม ยังปัจจัยที่ต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ (29 ธ.ค.) คือ สหรัฐฯ เปิดเผยยอดขอรับสวัสดิการว่างงาน ส่วนวันที่ 31 ธ.ค.จีนรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตและนอกภาคการผลิตในเดือน ธ.ค.66

"ทิศทางตลาดหุ้นไทยปีหน้า เมย์แบงก์มองเป้าดัชนี SET ที่ 1,640 จุด เชื่อกลับมาฟื้นตัวได้ตามภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ได้มีแรงหนุนจากภาคส่งออกกลับมาดี การบริโภคภายในประเทศ และการใช้จ่ายของภาครัฐ กำไรบริษัทจดทะเบียนปี 67 คาดโต 14% นอกจากนี้ มองดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วทั้งสหรัฐฯ และไทย ทำให้ภาวะ Derating P/E กดดันลดลง โดยในเดือนมกราคม 67 คาด SET จะฟื้นตัวได้ หรือ January Effect ประเมินแนวต้านที่ 1,460 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,380 จุด" นายชาญชัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น