xs
xsm
sm
md
lg

ฟันธงหุ้นไทยปีหน้าฟื้นตัวแตะ 1,750 จุด รับปัจจัยบวก-ฟันด์โฟลว์ไหลกลับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โบรกเกอร์ประสานเสียงปีหน้า SET Index ฟื้นตัวได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรก จากปัจจัยบวกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ดอกเบี้ยพ้นจุดสูงสุด ช่วยดึงฟันด์โฟลว์ไหลกลับ ขณะที่ประเมินกำไร บจ. เติบโตได้ 10-15% ด้านอินโนเวสท์ เอ็กซ์ มองบวกให้ SET แตะ 1,750 จุด โดย แนะนำทยอยสะสมหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานปี 67 จะเติบโตโดดเด่น และหุ้นที่น่าจับตาคือกลุ่ม Defensive Play และ Domestic Play เพราะคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว

อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET แตะ 1,750 จุด ศก.เริ่มฟื้นตัว

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดว่า ตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ 1,750 จุด แม้ว่าตลาดอาจจะยังมีความผันผวนในช่วงครึ่งปีแรก แต่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยตลาดในปีหน้าจะสร้างผลตอบแทนดีกว่าปีนี้ เนื่องจากระดับ SET Index ปัจจุบันถือว่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน (Undervalue)

ส่วนปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนตลาดในปี 2567 คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน โดยคาดเศรษฐกิจไทยปี 67 จะขยายตัวได้ 3-4% สูงกว่าปี 66 ที่ขยายตัวต่ำกว่า 3% ขณะที่กำไร บจ.จะขยายตัวได้ 10-15% ดีกว่าปี 66 ที่ชะลอตัว 10%

"มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่น และกลับมาลงทุนเพิ่ม แม้ว่าจะยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน Digital wallet อยู่บ้าง" นายสุกิจ กล่าว

นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีโอกาสปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังปี 67 และจะสร้างโอกาสให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับมาลงทุนในตลาดเกิดใหม่

อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่รุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในรัสเซีย-ยูเครน และ อิสราเอล-ฮามาส ซึ่งมีความเสี่ยงกระทบต่อราคาอาหาร และพลังงานให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

แนะลงทุนหุ้นผลงานดี ราคาลดลงแต่พื้นฐานแกร่ง หุ้น ESG

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนในปี 67 แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 

1.กลุ่มที่ผลการดำเนินงานเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ย ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ กลุ่มขนส่ง

2.กลุ่มที่ราคาลดลงจากการที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง ได้แก่ ธุรกิจโรงไฟฟ้า และ REIT/IFF และ 3.กลุ่มหุ้นที่ได้ ESG Score สูงระดับ AAA จาก SET แต่ราคาลดลงมามาก

หยวนต้าแนะทยอยสะสมหุ้นผลงานปี 67 ดี เชียร์ CPALL-GPSC

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า กล่าวว่า SET Index สิ้นปี 67 จะอยู่ที่ 1,520 จุด โดยมองบวกในช่วงไตรมาส 1/67 ดัชนีจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากแรงหนุนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น มาตรการ Easy E-Receipt และความคืบหน้าของงบประมาณปี 67 และมาตรการ Digital wallet

ส่วนไตรมาส 2-3/67 มีแนวโน้มปรับตัวลงได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯ และทวีปยุโรปจะเข้าสู่ช่วงชะลอตัว และมาลุ้นไตรมาส 4/66 ไม่ให้ SET Index ต่ำกว่าช่วงไตรมาส 3

ทั้งนี้ ประเมินกำไร บจ.ปี 67 คิดเป็นกำไร/หุ้น (EPS) จะอยูที่ 92 บาท/หุ้น เติบโต 8% เทียบกับปี 66 ที่คาดอยู่ระดับ 85 บาท/หุ้น หรือลดลง 7% เทียบปี 65

ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยสะสมหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานปี 67 จะเติบโตโดดเด่น เช่น CPALL, GPSC, THCOM และ SYNC สำหรับหุ้นที่น่าจับตาคือกลุ่ม Defensive Play และ Domestic Play เพราะคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว

บล.บัวหลวงเชื่อหุ้นปีหน้าฟื้นตัวตลอดปี กำไร บจ.โต 15%

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปี 67 จะฟื้นตัวตลอดปี ประเมินเป้าหมายดัชนีระดับ 1,600 จุด ส่วนกำไร บจ.จะเติบโตประมาณ 15% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอัตราเติบโตกำไรของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยในแง่ Valuation ของตลาดหุ้นไทย ค่า P/E คาดว่าจะซื้อขายระดับ 16.50 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย P/E ระยะยาวของไทย (ปัจจุบันคาดการณ์ค่า P/E ปี 67 เท่ากับ 14 เท่า) เทียบกับปี 66 ที่อยู่ 16.40 เท่า

สำหรับปัจจัยบวกหลักจะมาจากการลงทุนและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยงบประมาณน่าจะผ่านตั้งแต่ต้นปี และทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 67 จะอยู่ที่ระดับ 3.8%

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในปีหน้าแนะนำกระจายการลงทุน 

1.หุ้น 45% (หุ้นไทย 7% และหุ้นต่างประเทศ 38%) แต่ต้องรอดอกเบี้ยลดลงระดับหนึ่งก่อน จึงจะมีความมั่นใจ ขณะที่หุ้นไทยยังดูดี เพราะปี 66 ลงไปมาก โครงสร้างหุ้นไทยเป็นกลุ่มธุรกิจวัฏจักร กำไรอาจดีดกลับได้หนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้หลังตลาดหุ้นอื่นขึ้นไปแล้ว โดยกลุ่มโดดเด่น คือ ธนาคาร การบริโภคภายในประเทศ ค้าปลีกส่งออกแปรรูป การท่องเที่ยว อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตไฟฟ้า ส่วนกลุ่มที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน คือ อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง เนื่องจากกำลังซื้อชะลอจากการคุมสินเชื่อ

2.ตราสารหนี้ 43% มองเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในครึ่งปีแรก เพราะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่จะเห็นการปรับตัวลดลงทั่วโลก แต่ต้องเป็นตราสารหนี้คุณภาพ เพราะแม้จะเห็นแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยลดลง แต่ไม่ได้ลงเร็ว และ 3.ทองคำ 12% เพราะในขณะที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ดอกเบี้ยลดลงทั่วโลก ทองคำจะช่วยป้องกันความเสี่ยง


กำลังโหลดความคิดเห็น