Jan van Eck ซีอีโอบริษัทจัดการการลงทุนระดับโลก VanEck เผยไม่เห็นความเป็นไปได้ที่จะมีสินทรัพย์ใดเก็บรักษามูลค่าในระบบอินเทอร์เน็ตได้ดีกว่าบิตคอยน์อีกแล้ว อีกทั้งยังคาดว่า ราคาบีทีซีจะทะยานทำสถิติสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ภายใน 12 เดือนข้างหน้า
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (16 ธ.ค.) van Eck ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) VanEck ที่จัดการสินทรัพย์มูลค่าถึง 76,400 ล้านดอลลาร์ บอกว่า เขานึกไม่ออกว่า จะมีสินทรัพย์อื่นใดที่สามารถเก็บรักษามูลค่าในระบบอินเทอร์เน็ตได้ดีกว่าบิตคอยน์
เขาสำทับว่า ตอนนี้มีผู้ใช้บิตคอยน์ถึง 50 ล้านราย เท่ากับว่า เงินดิจิตอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกสกุลนี้มี network effect แล้ว ซึ่งหมายความถึงสถานการณ์ที่มูลค่าของสินค้าหรือบริการเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ใช้หรือผู้เข้าร่วมที่เพิ่มขึ้น
เมื่อถูกถามว่า ราคาบิตคอยน์พุ่งแรงมากและตอนนี้เริ่มหยุดนิ่งแล้วใช่หรือไม่ van Eck ยืนยันว่า บิตคอยน์ไม่ได้กำลังเจอฟองสบู่ โดยอธิบายว่า ไม่มีสินทรัพย์ใดที่อยู่ในภาวะฟองสบู่แต่ยังคงมีผลงานดีขึ้นในทุกวงจรตลาด และสำทับว่า บีทีซีเป็นสินทรัพย์ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เขายกตัวอย่างว่า บีทีซีเคยเผชิญภาวะฟองสบู่ในปี 2017 ก่อนที่จะทะยานทำสถิติสูงสุดตลอดกาลในปี 2021
van Eck ยังคาดว่า บิตคอยน์กำลังจะทำสถิติสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ภายใน 12 เดือนข้างหน้า
ซีอีโอ VanEck เสริมว่า เขาและ John van Eck พ่อผู้ล่วงลับที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาในปี 1955 มีความเชี่ยวชาญการลงทุนในสินทรัพย์ที่เก็บรักษามูลค่าฝังอยู่ในดีเอ็นเอ และเขามองว่า บิตคอยน์กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเทียบเท่าทองคำ โดยแจงว่า ทั้งราคาบีทีซีและทองคำต่างทำสถิติสูงสุดในปี 2021 และราคาพุ่งแรงขึ้นในปีนี้โดยที่เห็นได้ชัดว่า ราคาบิตคอยน์พุ่งทะยานกว่าทองคำ
ทั้งนี้ VanEck ตั้งกองทุนทองคำแห่งแรกในอเมริกาภายใต้การนำของ John van Eck ในปี 1968 และปัจจุบันบริษัทแห่งนี้เป็นบริษัท 1 ใน 13 แห่งที่ยื่นขอจดทะเบียนกองทุน Bitcoin ETF ในอเมริกา
van Eck คาดว่า กองทุน Bitcoin ETF ทั้งหมดจะได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (เอสอีซี) ในวันเดียวกัน โดยขณะนี้บริษัทที่ยื่นขออนุมัติ เช่น แบล็กร็อก, เกรย์สเกล, บิตไวส์, วิสดอมทรี, อินเวสโค แอนด์ แกแล็กซี, ฟิเดลิตี้, แฮชเด็กซ์ ต่างรอลุ้นการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของเอสอีซี ซึ่งนักวิเคราะห์ ETF คาดว่า จะมีการประกาศผลการพิจารณาระหว่างวันที่ 5-10 มกราคมปีหน้า