ทางการเริ่มเข้มงวด อาจลามกระดาน NVDR : สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า กลต.กำลังพิจารณาห้ามนักลงทุนไทยเข้าไปซื้อขายใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (Non-Voting Depository Receipt) หรือ NVDR เพื่อป้องกันการใช้เป็นช่องทางสนับสนุนการฉ้อโกง หลังจากพบในกรณี บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) (ที่มา mgronline.com) ซึ่งมีเพื่อนๆนักลงทุนถามมาเยอะว่า จะกระทบกับตลาดหุ้นไทย หรือไม่อย่างไร ฉบับนี้จะเล่าให้ฟัง เอาทั้งสายดำ สายขาวไปเลยครับ
NVDR คืออะไร : NVDR ก็คือใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ของหุ้น โดยใครก็ตามที่ถือใบแสดงสิทธิฯนี้ จะได้ผลประโยชน์เหมือนหุ้น เช่น ปันผล XD, ได้สิทธิวอแรนท์ XW หรือ XR เพิ่มทุน ได้หมด เพียงแต่ว่า คนถือใบแสดงสิทธิฯนี้ จะโหวตลงคะแนนเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นไม่ได้ โดยเจ้าใบแสดงสิทธิฯนี้ ออกโดยบริษัทของตลาดหลักทรัพย์เอง (Thai NVDR) เพื่อที่จะเป็นคนถือหุ้นแทนนักลงทุนที่ถือใบแสดงสิทธิฯนี้นั่นเอง
ซึ่ง NVDR วัตถุประสงค์หลักแรกเริ่มคือ การเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปถือลงทุนหุ้นได้เพิ่มมากขึ้นจากข้อจำกัด Foreign limit เดิมของหุ้นทั่วไป (ที่ 49%) หรือ อย่างสถาบันการเงิน ก็จำกัดเข้มงวดที่ 25% ซึ่งการถือใบแสดงสิทธิฯของบริษัทต่างๆเหล่านี้ ก็จะยังได้สิทธิเหมือนหุ้นทุกประการ ยกเว้นเพียงแต่โหวตไม่ได้
สิทธิของ นลท.ต่างชาติ บนกระดานต่างๆ
อีก 1 เงื่อนไขที่ควรรู้ คือ นักลงทุนต่างชาติที่ซื้อหุ้นในกระดานปกติ (Local shares) จะไม่ได้สิทธิในเงินปันผล และ การโหวต ดังนั้น NVDR จึงเป็นทางเลือกสำคัญของนักลงทุนต่างชาติในการลงทุนหุ้นในประเทศเป้าหมาย ซึ่ง MSCI index ก็มีการเอาเงื่อนไขต้องมีกระดาน NVDR เป็น 1 ในเกณฑ์สำคัญ ที่จะจัดว่าตลาดหุ้นประเทศนั้นเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging market) หรือไม่ ซึ่ง SET index ได้ผ่านเกณฑ์นี้ไปแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนาม ยังไม่มีกระดาน NVDR จึงยังถูกจัดเป็นตลาดชายขอบ (Frontier market) ในมุมมองของ MSCI ทำให้เม็ดเงินต่างชาติจึงยังเข้าไปลงทุนได้เพียงจำกัด
คนไทยใช้ NVDR ได้นะ : ช่วงที่ผ่านมาทาง NVDR อนุญาตให้นักลงทุนชาวไทยถือครองใบแสดงสิทธินี้ได้ซึ่งวิธีง่ายๆก็คือ การกดปุ่มเลือกตอนที่จะซื้อหุ้น ว่าจะซื้อในรูปแบบหุ้นสามัญทั่วไป หรือ ในรูปแบบใบแสดงสิทธิ NVDR นั่นเอง (ซึ่งราคาเท่ากัน) ซึ่งหุ้นที่ซื้อในรูปแบบใบแสดงสิทธิฯจะมี –R ที่ท้ายหุ้น
กลยุทธ์การใช้ NVDR สายขาว : พวกเทรดเดอร์มืออาชีพ มักใช้ช่องว่างนี้ในการเอา NVDR มาแบ่งพอร์การลงทุนในหุ้นที่ต้องการถือยาว แต่ก็อยากเล่นรอบไปด้วยในเวลาเดียวกัน เช่น อยากถือลงทุนระยะยาวใน ADVANC ก็ซื้อหุ้นที่กระดาน Local แต่ถ้าอยากเทรดเล่นรอบไปด้วย ก็จะไปซื้อที่กระดาน NVDR เพิ่ม เพื่อจะได้ใบแสดงสิทธิฯ ADVANC-R อีกตัวแยกออกมา ซึ่งก็จะแสดงต้นทุนที่แตกต่างกัน
ดังนั้น ทั้งการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และ กลยุทธ์การแบ่งพอร์ตของมืออาชีพ ก็อาจเรียกได้ว่า “สายขาว” เพราะไม่ได้ผิดกฎหมายแต่ประการใด
NVDR สายดำ : ด้วยบริษัท Thai NVDR เป็นคนถือหุ้นแทนผู้ถือใบแสดงสิทธิฯทั้งหมด และออกใบแสดงสิทธิฯให้นักลงทุนเอาไปถือ (-R) ดังนั้นเวลาเราดูรายชื่อผู้ถือหุ้น เราจะเห็นเพียงชื่อ Thai NVDR ซึ่งจะไม่เห็นรายชื่อผู้ถือหุ้นที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น NVDR หุ้น XX จำนวน 20 ล้านหน่วย อาจเกิดจาก นาย ก. ถือ 19 ล้านหน่วย และ ประชาชนอีก 1,000 คน แบ่งกระจายใน 1 ล้านหน่วยได้
ดังนั้นจึงอาจมีนักลงทุนบางกลุ่ม บางคนที่ไม่ต้องการแสดงชื่อในรายชื่อผู้ถือหุ้น ด้วยใช้วิธีการถือผ่าน NVDR แทนก็ได้เช่นกัน เพื่อที่จะหลบการตรวจสอบของทางการ หรือ หลบการถือเกิน trigger ในการทำ tender offer ก็ได้เช่นกัน ทำให้ NVDR สายดำนี้ อาจถูกเพ่งเล็งว่าเป็นช่องทางในการฟอกเงิน ก็ได้เช่นกัน
บทสรุป : ดังนั้น หาก กลต. บังคับใช้เกณฑ์นี้จริง ก็อาจทำให้กลุ่ม NVDR สายดำ ต้องโยกย้ายเงินออกมา ก็อาจเกิดแรงขายในหุ้นที่มีสัดส่วน NVDR สูงๆแบบไม่จำเป็น (แต่มี Foreign limit ว่างเหลือเฟือ) เช่นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มีสัดส่วน NVDR สูงผิดปกติ 10-20% ของหุ้นทั้งหมด ซึ่งจะต่างกับหุ้นสถาบันการเงินซึ่ง Foreign limit มักจะเต็ม/เกือบเต็มอยู่เสมอ
อย่างไรก็ดี การหลบไปจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคลในดินแดนปราศจากภาษี (No-tax Jurisdiction) เช่น หมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งที่นั่นมี ธนาคาร กองทุนรวม หลายร้อยแห่งไว้รองรับ จากนั้นค่อยกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ก็เป็นอีกทางเลือกที่เป็นไปได้
แต่ความเห็นส่วนตัวมองว่า อย่างน้อยแนวทางกำกับดูแลใหม่นี้ ก็น่าจะทำให้เหล่าสาย dark ทำงานกันได้ยากยิ่งขึ้น ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีบ้างของตลาดหุ้นไทย
แหล่งดูข้อมูล NVDR Outstanding
บทความโดย จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ Head of Research