นายยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคลลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มอัตราการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิต(Minimum Payment)จากปัจจุบันที่ 5% มาเป็น 8%ในปี 2567 หลังจากผ่อนผันในช่วงสถานการณ์โควิด 19 นั้น ก็จะมีผู้บัตรเครดิตของธนาคารส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ดังกล่าว แต่ไม่มากนักประเมินว่าจะประมาณ 10%ของพอร์ตรวม จากปัจจุบันที่มีจำนวนบัตรรวม 2.4 ล้านใบ เป็นส่วนที่ชำระรายเดือนขั้นต่ำประมาณ 20%ของพอร์ต ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มที่ชำระเต็ม ซึ่งในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับเกณฑ์ดังกล่าวนั้น หลังจากได้หารือกับธปท.แล้ว ธนาคารจะยังสามารถช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบได้เป็นรายๆตามความเหมาะสม โดยจะเป็นมาตรการโอนวงเงินบัตรเครดิตเป็นสินเชื่อผ่อนชำระเป็นงวดที่น้อยลง ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
"ก็ต้องยอมรับว่าการเกณฑ์เพิ่มอัตราชำระขั้นต่ำกระทบกับลูกค้าแน่นอน ซึ่งก็เป็นทั้งระบบ แต่จากกลุ่มลูกค้าของเราน่าจะกระทบไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกค้า Upper Income แล้วก็เชื่อว่า มาถึงขณะนี้เราได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ลูกค้าที่อยู่ในโครงการช่วยเหลือก็ลดลง แต่หากยังมีส่วนที่ไม่ไหว เราก็มีมาตรการรองรับอยู่ ตรงนี้ก็ถือว่าจะทำให้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินการมากขึ้น ขณะที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของธุรกิจบัตรเครดิตของธนาคารอยู่ต่ำกว่าระบบที่อยู่ประมาณ 2.7%"
นางสาวสุพรทิพย์ พงศาชำนาญกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Card Business ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2566 ที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวของการใช้จ่ายบัตรที่ฟื้นตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในหมวดท่องเที่ยวที่ปริมาณการเดินทางหนาแน่นภายหลังจากผ่านพ้นสถานการณ์โควิดฯ ขณะที่ในปีหน้ามองว่าธุรกิจบัตรเครดิตจะยังมีความแข่งขันสูงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดของตนเองไว้ ขณะที่ทางธนาคารเองตั้งเป้าหมายยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตประมาณ 15% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตประมาณ 8-10% โดยส่วนหนึ่งมาการซื้อพอร์ตราย่อยของซิตี้แบงก์เข้ามา เมื่อต้นปี 2565 ซึ่งทำให้ธนาคารมีจำนวนลูกค้ารายย่อย 8 ล้านรายทั่วภูมิภาคอาเซียน และในไทยเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านคน ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของธุรกิจบัตรเครดิจในไทย โดยธนาคารสามารถมอบสิทธิประโยชน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างหลากหลายมากขึ้น
ล่าสุด เปิดตัวบัตรร่วม "Co brand" ร่วมกับ 5 แบรนด์ชั้นนำ ได้แก่ แกร็บ ลาซาด้า แม็คโคร เมอร์เซเดส-เบนซ์ และไทยรอยัล ออร์คิด พลัส โดยบัตรแต่ละใบได้รับการออกแบบเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน โดยบัตร UOB Grab ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบคนเมือง ,บัตร UOB Lazada ตอบโจทย์นักช้อปออนไลน์ และการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของผู้ถือบัตรยูโอบีในการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น 37% ในปี 2566 ,บัตร UOB Makroตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการและลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในการจับจ่ายโดยมอบคะแนนสะสมสำหรับการซื้อทุกครั้ง ซึ่งสามารถแลกบัตรกำนัลแม็คโครหรือแลกรับเงินคืนจากยอดซื้อที่แม็คโคร ,บัตร UOB Mercedes ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา โดยเฉพาะความหรูหราแห่งยานยนต์ และบัตรยูโอบี ไทย รอยัล ออร์คิด พลัส (UOB ROP) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง จากในปี 2566 การใช้จ่ายในหมวดการเดินทางของบัตรเครดิตยูโอบีมีสัดส่วนค่อนข้างสูง โดยมียอดใช้จ่ายตั๋วเครื่องบิน คิดเป็น 37% ของยอดใช้จ่ายผ่านบัตร
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธนาคารได้เปิดตัวบัตรเครดิต UOB Grab UOB Lazada UOB Makro ไปแล้ว และ UOB Mercedes UOB ROP จะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า