ได้ฤกษ์ซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปแล้วเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา สำหรับหุ้นนางงาม บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI หลังจากซีอีโอใหญ่ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ใช้เวลาแต่งตัวปลุกปั้นมานานกว่าสิบปีด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท
ขณะเดียวกันการนำร่องเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4.95 บาท เมื่อวันที่ 4, 6 และ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา สามารถสร้างแรงดึงดูดนักลงทุนจองซื้อหมดเกลี้ยง ซึ่งนายณวัฒน์ประกาศใช้เม็ดเงินลงทุนปรับปรุงอาคารสำนักงาน พัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า และผลิตรายการ เพื่อเพิ่มศักยภาพและผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
โดย MGI ซื้อขายวันแรก 14 ธันวาคม 2566 หุ้น MGI หรือมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเทรดวันแรกที่ 6.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท หรือ 26.26% จากราคา IPO 4.95 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 8.50 บาท ต่ำสุดที่ 6.20 บาท จากปิดตลาดการเมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 8.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.55 บาท หรือ 71.72% มูลค่าซื้อขาย 1.329.38 ล้านบาท
หากย้อนดูผลการดำเนินงานของ MGI ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เริ่มจากปี 2563 มีรายได้รวม 338.80 ล้านบาท ปี 2564 อยู่ที่ 345.10 ล้านบาท ปี 2565 อยู่ที่ 319.86 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 428.93 ล้านบาท กำไรสุทธิ 77.13 ล้านบาท เทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 218.68 ล้านบาท กำไรสุทธิ 36.58 ล้านบาท โดยถือเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่นำเวทีนางงามเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MGI กล่าวว่า ธุรกิจนางงามไม่ใช่จุดยืนเดียว แต่เป็นจุดเริ่มต้นการต่อยอดธุรกิจมากมาย เพราะ MGI เป็นบริษัทแรกที่มีเครือข่าย 77 เวที 77 จังหวัดในประเทศไทย รวมทั้งขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศอีก 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสัดส่วนรายได้งวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มาจากธุรกิจพาณิชย์สัดส่วนมากสุด 40.86% ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ 12.63% ธุรกิจสื่อและบันเทิง 19.06% ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน 23.12% รายได้ค่าเช่าช่วง MGI Hall 3.51% และรายได้อื่นๆ 0.82% โดยบริษัทตั้งเป้ารุกขยายธุรกิจพาณิชย์ ซึ่งมีการเติบโตสูง
หากเจาะธุรกิจของ MGI ในกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ (Commerce) ซึ่งณวัฒน์ซุ่มเจาะกลุ่มลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ภายใต้แบรนด์ Miss Grand MGI และ NangNgam มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รวมทั้งแตกไลน์กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารเสริม ได้แก่ น้ำพริกปลาสลิด
ขณะเดียวกันปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตสินค้า OEM โดยบริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สูตรการผลิตทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีสินค้า 3 ประเภท ได้แก่ กาแฟลดน้ำหนักตรามิสแกรนด์ ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนอิงฟ้า และชาเขียวชนิดผง ตราชาล็อต บาย มิสแกรนด์
ส่วนธุรกิจประกวดนางงาม ซึ่งปัจจุบันบริษัทกำหนดการประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ในไตรมาส 2 ของทุกปี และจัดการประกวดมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนลในไตรมาส 4 ของทุกปี โดยณวัฒน์ย้ำเสมอว่า Miss Grand Thailand เป็นการประกวดนางงามระดับประเทศที่มีผู้เข้าร่วมการประกวดมากที่สุดในประเทศไทย คือ 77 คน เป็นตัวแทนจาก 77 จังหวัด ทั่วประเทศไทย และใช้รูปแบบการจัดงาน โดยขายลิขสิทธิ์การประกวดให้ผู้จัดงานในจังหวัดต่างๆ เพื่อดำเนินการกิจกรรมในนาม “มิสแกรนด์ (จังหวัด)” เพื่อคัดเลือกตัวแทน เข้าร่วมการประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ในแต่ละปี
ในส่วนการประกวดนางงามระดับนานาชาติ ซึ่งปกติมี 7 เวทีหลักที่ทั่วโลกยอมรับ ได้แก่ รายการ Miss Universe, Miss World, Miss International, Miss Supranational, Miss Earth, Miss Intercontinental และ Miss Tourism International โดยเวทีที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานที่สุด ได้แก่ Miss World เริ่มมีการประกวดตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 และ Miss Universe เริ่มมีการประกวดตั้งแต่ปี ค.ศ.1952 โดยเป็นสองเวทีการประกวดที่มีผู้ถือลิขสิทธิ์และผู้เข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมาก คือ Miss World ประมาณ 120 ประเทศ และ Miss Universe ประมาณ 90 ประเทศทั่วโลก
ล่าสุด Global Beauties องค์กรวิเคราะห์การประกวดนางงามระดับนานาชาติที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1998 ได้จัดอันดับ 5 เวทีระดับ Grand Slam Beauty Pageant เมื่อเดือนกันยายน 2566 ปรากฏว่า เวที Miss Grand International ของ MGI ติดทอปไฟว์ร่วมกับ Miss Universe, Miss World, Miss Supranational และ Miss International พร้อมระบุว่า Miss Grand International เป็นเวทีที่จัดการประกวดโดยคนไทยที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ทั้งในแง่สปอนเซอร์ ฐานผู้ชม และความนิยม
ต้องยอมรับว่า MGI ใช้การต่อยอดธุรกิจการประกวดนางงาม ทั้งการสร้างแบรนด์สินค้าในเครือ มีพรีเซนเตอร์และผลักดันให้เป็นศิลปินในวงการบันเทิง ไม่ใช่แค่การส่งนางงามที่ได้รับตำแหน่งมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดเวทีระดับนานาชาติ เช่น การประกวดนางงาม Miss Grand International และการส่งนางงามที่ได้อันดับรองลงมาไปประกวดรายการ Miss Intercontinental, Miss Tourism International หรือเวทีอื่นๆ
ที่เห็นชัดเจน คือ การผลักดันธุรกิจบันเทิง (X-Periences) ในรูปแบบให้กลุ่มลูกค้าทำกิจกรรมร่วมกับนางงามและศิลปิน เช่น การจัดคอนเสิร์ตอิงฟ้ามหาชน, MGT x ระเบียบวาทศิลป์, Meet & Greet และการถ่ายทำซีรีส์ออกอากาศในช่องทาง Youtube ภายใต้ชื่อ GrandTV เช่น ซีรีส์เรื่อง Show Me Love แสดงนำโดยศิลปินในสังกัด คือ อิงฟ้า วราหะ ผู้ชนะอันดับ 1 การประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ปี 2565 (MGT 2022) และรองชนะเลิศอันดับ 1 การประกวดมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ปี 2565 (MGI 2022) และชาล็อต ออสติน รองชนะเลิศอันดับ 5 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ปี 2565 (MGT 2022) หรือการร่วมงานอีเวนต์ของสินค้าและบริการต่างๆ เช่น ชาล็อต เข้าร่วมกิจกรรมกับ LINE MAN ในงาน Siam Food Fest เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ Siam Square
ด้านหนึ่งสร้างรายได้เสริมหลายช่องทาง อีกด้านปลุกเรตติ้งสินค้า ศิลปิน เกิด FC กลุ่ม DOM และเสริมแบรนด์มิสแกรนด์ไทยแลนด์แข็งแรงยิ่งขึ้น แต่ทั้งหมดต้องลุ้นราคาหุ้น MGI จะไปได้ไกลแค่ไหน.
ขณะที่จากการวิเคราะห์ข้อมูลและปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พบว่า บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI มีปัจจัยบวก หรือ แนวโน้มการเติบโตในอนาคตโดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่
ฐานแฟนคลับเติบโตแข็งแกร่ง
MGI เป็นเจ้าของเวทีประกวดนางงามระดับนานาชาติอย่าง Miss Grand International ซึ่งได้รับความนิยมจากแฟนนางงามทั่วโลก โดยในปี 2566 เวที Miss Grand International มียอดผู้ชมทางโทรทัศน์และออนไลน์รวมกว่า 1,000 ล้านคน ทำให้ MGI มีฐานแฟนคลับจำนวนมากที่สามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
MGI มีแผนขยายตลาดสู่ต่างประเทศมากขึ้น โดยในปี 2567 ตั้งเป้าจะจัดประกวด Miss Grand International ในประเทศใหม่ๆ อย่างน้อย 5 ประเทศ ซึ่งจะเพิ่มฐานแฟนคลับและโอกาสทางธุรกิจให้กับ MGI มากขึ้น
ธุรกิจครบวงจร
MGI มีธุรกิจที่หลากหลายครอบคลุมทั้งการประกวดนางงาม การผลิตและจำหน่ายสินค้า การจัดอีเวนต์ และธุรกิจสื่อ ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้จากหลายช่องทางและลดความเสี่ยงในการพึ่งพารายได้จากเพียงช่องทางเดียว
จากปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ คาดว่า MGI จะมีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 คาดว่ารายได้จะเติบโต 20% และกำไรสุทธิจะเติบโต 30%
สำหรับผลตอบแทนในหุ้น MGI นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และปัจจัยด้านจิตวิทยาตลาด
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการเติบโตในอนาคตที่ดี คาดว่า MGI จะเป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในระยะยาว
ทั้งนี้ การลงทุนย่อมมีทั้งบวกและลบ เมื่อมีปัจจัยบวกที่ทำให้หุ้นเติบโต และมีผลการตอบแทนที่ดี ในทางกลับกันย่อมมีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการลงทุน และผลตอบแทนต่อการลงทุน
โดยปัจจัยด้านลบที่มีผลต่อหุ้น บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ได้แก่
การแข่งขันที่รุนแรง
ธุรกิจการประกวดนางงามมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยในปัจจุบันมีเวทีการประกวดนางงามระดับนานาชาติหลายเวทีที่ได้รับความนิยมจากแฟนนางงามทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้ MGI ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงของกระแสนิยม
กระแสนิยมในการประกวดนางงามอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจส่งผลต่อความนิยมในเวที Miss Grand International และธุรกิจอื่นๆ ของ MGI ไปด้วย ซึ่งหากเวที Miss Grand International สูญเสียความนิยมลง อาจทำให้ฐานแฟนคลับและโอกาสทางธุรกิจของ MGI ลดลง
ปัจจัยภายนอกอื่นๆ
ตัวอย่างปัจจัยด้านลบที่อาจส่งผลกระทบต่อหุ้น MGI ได้แก่ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เช่น ความขัดแย้งทางการเมืองหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาจส่งผลกระทบต่อการจัดประกวด Miss Grand International หรือ หากเศรษฐกิจโลกถดถอย อาจทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าและบริการของ MGI ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดีนักลงทุนควรติดตามข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อหุ้น MGI อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากหุ้น MGI เป็นหุ้น IPO ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงมีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นที่ซื้อขายมานานแล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยด้านลบเหล่านี้ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้น MGI