xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าเงินบาทเปิดที่ระดับ 34.94 ติดตามรายงานเศรษฐกิจจีน-ฟันด์โฟลว์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (15 ธ.ค.) ที่ระดับ 34.94 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.06 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.80-35.10 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้าค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน แต่โดยรวมแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 34.78-35.07 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์เผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของสกุลเงินฝั่งยุโรป ทั้งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และเงินยูโร (EUR) หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่างมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกันกับเฟด ทว่าทั้งสองธนาคารกลางกลับย้ำจุดยืนคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงจนกว่าจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จ ซึ่งสวนทางกับการส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยลงของเฟด นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำทยอยปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังคงไม่สามารถผ่านโซนแนวต้านระยะสั้นไปได้

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทนับตั้งแต่ตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด รวมถึงผลการประชุม BOE และ ECB อาจเริ่มชะลอลงบ้าง โดยเงินบาทอาจติดอยู่แถวโซนแนวรับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าเงินบาทจะได้รับปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยหนึ่งในปัจจัยที่อาจช่วยให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้ คือ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในส่วนตลาดหุ้น หลังล่าสุด นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยราว +3.5 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี เรามองว่า การปรับตัวลดลงของบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อบอนด์ยิลด์ไทย อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรสถานะถือครองบอนด์ไทยได้บ้าง ดังจะเห็นได้จากแรงขายบอนด์ระยะยาวไทยในวันก่อนหน้า

นอกจากนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน เพราะหากข้อมูลดังกล่าวออกมาแย่กว่าคาดจะยิ่งสร้างความกังวลให้ผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจกดดันให้เงินหยวนจีน (CNY) และสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ผันผวนอ่อนค่าลงได้ ในทางกลับกัน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างไม่ได้คาดหวังว่าภาพเศรษฐกิจจีนจะออกมาสดใสมากนักในช่วงนี้ ทำให้หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาดอาจทำให้ตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยงการถือครองสินทรัพย์จีนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินหยวนจีน (CNY) และสกุลเงินเอเชียได้บ้าง

และนอกเหนือจากความผันผวนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีน เรากังวลว่า หากรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจนและยังสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต้องทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งเงินบาทและราคาทองคำได้

สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายงานเดือนของจีน ทั้งยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ซึ่งจะช่วยสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วงนี้ได้

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing and Services PMIs) ในเดือนธันวาคม จากฝั่งอังกฤษ ยูโรโซน และสหรัฐฯ เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลักดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น