xs
xsm
sm
md
lg

เจาะอินไซต์กลุ่มซื้อที่อยู่อาศัย 'Baby boomer' เลือกประหยัดพลังงาน เจน Z ชอบความสะดวก โฟกัสคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไลฟ์สไตล์การซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก ซึ่งมีหลาย "แฟกเตอร์" เข้ามาสลายพฤติกรรมเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าในเส้นที่เปิดให้บริการ และที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากระยะทางที่ให้บริการที่ไปไกลถึงจังหวัดปริมณฑล ทำให้ผู้ซื้อสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัย เช่น ห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมได้ในราคาที่สามารถซื้อได้ และอาจจะได้พื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น แต่อาจจะแลกมาด้วยกับเรื่องของเวลาการเดินทาง ค่าใช้จ่ายที่ปรับสูงขึ้นบ้าง

และที่เป็นผลกระทบใหญ่คงเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อที่อยู่ หรือเฟ้นหาที่อยู่อาศัยใหม่ หรือ มีบ้านหลังสอง เนื่องจากต้องการเรื่องความปลอดภัยให้ตนและครอบครัว ต้องการพื้นที่รอบบ้านที่สามารถรองรับการทำกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวก ทำให้สินค้าประเภท "บ้านเดี่ยว" เป็นที่ต้องการ หรือหากต้องการซื้อคอนโดมิเนียม ก็เลือกห้องชุดที่มีพื้นที่มากขึ้น แม้แต่ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมได้มีการออกแบบห้องชุดรองรับการขยายพื้นที่ห้องใหม่เพิ่มในอนาคต

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ พฤติกรรมความต้องการการมีที่อยู่อาศัยอย่างถาวร อาจจะเป็น "ไม่ทางเลือก" อันดับแรก เนื่องจากคนรุ่นใหม่เลือกการเช่าอยู่ มากกว่าที่จะมีภาระเรื่องบ้าน ซึ่งเป็น "หนี้ก้อนใหญ่" เกือบทั้งชีวิต (หากเป็นคนโสด) เพราะต้องการมีอิสระ หากในอนาคตมีการเปลี่ยนงานใหม่ และยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังชะลอตัวอยู่ ความไม่แน่นอนในอาชีพกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่คนรุ่นใหม่ หรือคนที่คิดจะมีที่อยู่อาศัยต้องกลับมานั่งทบทวนหลายรอบก่อนที่จะก่อหนี้

สุมิตรา วงภักดี
อย่างไรก็ตาม หากมีวิเคราะห์ตามดาต้า ของบริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด หรือ TERRA BKK กลับได้เห็น "อินไซต์" ของ Lifestyle ผู้ซื้อ

โดย น ส.สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ TERRA BKK กล่าวว่า จากผลวิจัย The most powerful of real estate brand 2023 และเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคตามแนวคิด Well-Being and Sustainable Lifestyle จากแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน พบว่า ผู้ตอบกว่า 42% มีแผนจะซื้อบ้านในช่วง 3 ปี โดยส่วนใหญ่มีความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ในระดับราคาตั้งแต่ 3-7 ล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจซื้อบ้านปีนี้ คนส่วนใหญ่ให้ความใส่ใจเรื่องวัสดุก่อสร้างกันมากขึ้น รองลงมาคือ ระบบรักษาความปลอดภัย สังคมและสิ่งแวดล้อม และบริการหลังการขาย

เมื่อเจาะลึกมาดูสินค้าในแต่ละกลุ่มจะพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 78% วางแผนที่จะซื้อบ้านเดี่ยว โดยส่วนใหญ่เป็นคนในกลุ่ม Baby Boomer (อายุมากกว่า 56 ปีขึ้นไป) และกลุ่ม Gen Y (อายุ 28-41 ปี) รองลงมาเป็นกลุ่มทาวน์โฮม มีสัดส่วน 47% โดยเป็นกลุ่ม Gen X (อายุ 46-56 ปี) และ Gen Z (อายุ 18-27 ปี) ส่วนคอนโดมิเนียม มีผู้วางแผนที่จะซื้อราว 27% ซึ่งเป็นคนในกลุ่ม Gen Z และGen Y ในระดับราคา 2-7 ล้านบาท


ด้านพฤติกรรมการอยู่อาศัยในปี 2567 ทาง เทอร์ร่าฯ ได้ประเมินพบว่า คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ในบ้าน 2 ด้าน คือ การพักผ่อนในพื้นที่ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องอเนกประสงค์ และการทำงานแบบ Work at Home รวมถึงมีความต้องการพื้นที่นอกตัวบ้าน หรือในสวนมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับแนวคิด sustainable lifestyles จากผลวิจัยที่พบว่า ความต้องการบ้านในอุดมคติ จะประกอบด้วย 3 ด้าน คือ Comfortable and Convenience Living, Safe and Secure Environment และ Well-Being

เพราะคนส่วนใหญ่มองว่า การอยู่บ้านในสังคมใหม่ที่ครบ สมบูรณ์ด้วยสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ในบ้านมีการใช้สมาร์ทโฮม เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก เหล่านี้จะช่วยให้ความเป็นอยู่ทั้งร่างกายและจิตใจดีขึ้น

ทั้งนี้ จากผลวิจัยจะเห็นว่า sustainable lifestyles ของคนแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน โดยเริ่มจาก

กลุ่ม Gen Z (อายุ 18-27 ปี) จะเป็นกลุ่มที่ใส่ใจเรื่องการเดินทาง ส่วนใหญ่จะเน้นการใช้ระบบขนส่งสาธารณะกันมาก

กลุ่ม Gen Y (อายุ 28-41 ปี) ให้ความใส่ใจด้านพลังงานเช่นการเปิดปิดไฟเมื่อไม่จำเป็น

กลุ่ม Gen X (อายุ 46-56 ปี) จะเป็นคนที่สนใจเรื่องอาหาร และสุขภาพ เช่น ลดการกินเนื้อสัตว์ หรือกินพืชผักตามฤดูกาล

และกลุ่ม Baby boomer (อายุมากกว่า 56 ปีขึ้นไป) เป็นกลุ่มที่มีความน่าสนใจมาก เพราะคนกลุ่มนี้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยีสีเขียวเช่น โซลาร์เซลล์มากขึ้น

ซึ่งจาก sustainable lifestyles ที่กล่าวถึง ได้สะท้อนถึงความต้องการบ้านของผู้บริโภคที่สอดรับกับวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในอนาคต เช่น การออกแบบ Universal design มีพื้นที่ห้องสปาหรือโปรแกรมบริการ การฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย มีกิจกรรมเพื่อสุขภาพและกายภาพบำบัด บริการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพ บ้านประหยัดพลังงาน Solar Cell/ฉนวนกันความร้อน ระบบกรองอากาศ PM2.5 และไวรัส นวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย เช่น Smart Home EV Charger ระบบการคัดแยกขยะอย่างแท้จริง เพื่อลดขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม การก่อสร้างที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยคาร์บอน


มองปี 67 ยังไม่ใช่โอกาสดี 'ซื้ออสังหาฯ'

ทางด้านแนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปี 2567 พบว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ 76% ลดลง 4% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ 80% แม้ในภาพรวมค่าดัชนีจะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ในแง่ของการซื้อสินค้ามูลค่าสูง เช่น อสังหาฯ รถยนต์ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงมองว่าช่วงนี้ไม่ใช่โอกาสดีในการซื้ออสังหาฯ ทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน รวมถึงราคาอสังหาฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามค่าก่อสร้างใหม่ ซึ่งมีผลต่อการขอสินเชื่อใหม่ทำให้ลูกค้าบางกลุ่มต้องชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป

สอดคล้องกับข้อมูลจาก TerraBYTE แอปพลิเคชัน ที่ว่าแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ปี 2566 ปรับลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯ ที่ปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของภาคที่อยู่อาศัย ทั้งปริมาณ supply ที่เปิดตัวน้อยลงและอัตราการขายที่ลดลง สำหรับกลุ่มทาวน์โฮมอยู่ในช่วงฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปที่มีอัตราการขายที่เติบโตขึ้น และตลาดบ้านเดี่ยวที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับราคา 10-25 ล้านบาท ที่มีอัตราการขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกลุ่ม Real Demand ที่มีรายได้สูง มีเงินออม ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อย และมีความต้องการเปลี่ยนที่อยู่อาศัย


แสนสิริ อันดับ 1 โดดเด่นด้านแบรนด์

สำหรับการประกาศผลรางวัล Real Estate : The Most Powerful Brand 2023 ประจำปี 2566 ผู้ที่คว้ารางวัลในปีนี้ คือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นการกลับมารับรางวัลอีกครั้งของแบรนด์ “แสนสิริ” โดยมีความโดดเด่นในด้าน Brand Famous เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง Dynamic เป็นแบรนด์ที่มีการปรับตัวตลอดเวลา Trusted เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นในคุณภาพ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญในการตัดสินใจซื้อ ทำให้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในเรื่องความเป็น “แบรนด์ผู้นำ” โดยเฉพาะ “ผู้นำบ้านเดี่ยว” และเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่ผู้บริโภคจะพิจารณาซื้อ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และกลุ่ม Middle Income

ขณะที่บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ปีนี้สามารถคว้ารางวัล Credence Award ซึ่งจะมอบให้บริษัทที่ลูกค้าให้การยอมรับในด้านคุณภาพและเป็นแบรนด์ที่ครองอันดับ 1 ในคุณสมบัติ Top 4 ที่ผู้บริโภคคาดหวังมากที่สุด คือ เป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานการก่อสร้าง มีคุณภาพ มีบริการหลังการขายที่ดีและเป็นแบรนด์ที่รู้สึกปลอดภัย รวมถึงเป็นแบรนด์ที่ครองอันดับ 1 ที่ลูกบ้านอยากแนะนำต่อมากที่สุด ด้วยค่า Net Promoter Score ที่สูงที่สุดคือ 56% (ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 24%)

ทางด้านบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ จำกัด ปีนี้ได้รับรางวัล Sustainability Development Award in Real Estate 2023 ซึ่ง MQDC เป็นแบรนด์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็น Sustainability lifestyle ได้อย่างครบถ้วน และขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ในของแบรนด์ผู้นำด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิด Sustainable Development

แบรนด์ "เปี่ยมสุข" มีพลังเทียบเท่าแบรนด์ใหญ่

และบริษัท เปี่ยมสุข พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในปีนี้เข้ารับรางวัลพิเศษ Marvel Award บริษัทที่มีภาพลักษณ์โดดเด่นเทียบเท่าแบรนด์ใหญ่ในตลาด และเป็นแบรนด์ที่มี Powerful Score เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มแบรนด์เล็ก(Non Public Company)

น.ส.ศศิธร ชุติพงษ์เลิศรังษี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าวว่า สำหรับปีนี้ บริษัทได้เปิดตัว TerraAgent ซึ่งเป็นบริการใหม่ล่าสุดที่จะเข้ามาให้บริการบริหารงานปล่อยเช่าอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และคอมมูนิตีมอลล์ ปัจจุบัน TerraAgent ได้ดูแลบริหารงานปล่อยเช่าอาคาร Enter Terminal อาคารสำนักงานเกรดเอแห่งใหม่ล่าสุดของ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (EnCo) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท.บนพื้นที่กว่า 15,000 ตร.ม. ซึ่งมีอัตราการเช่าไปแล้วมากกว่า 30% ภายในระยะเวลา 4 เดือน

จากดาต้าดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ได้ชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องทำการบ้านอย่างหนัก ในการปรับโปรดักต์ต่างๆ หรือการทำโครงการเช่าอยู่ หรือเช่าซื้อ เพื่อให้เข้ากับ "ความสามารถ" ของลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสม ยิ่งในปีหน้าดัชนีทางเศรษฐกิจหลายตัวบ่งชี้ความเปราะบาง ยังไม่นับรวม ปัจจัยภายนอกประเทศที่ Uncontrol เช่น สงคราม ราคาน้ำมัน ค่าเงิน อัตราดอกเบี้ยของโลก และเงินเฟ้อ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีผลต่อกำลังซื้อในปีหน้าทั้งสิ้น






กำลังโหลดความคิดเห็น