ไอร่า แฟคตอริ่ง เดินหน้ารุกมุ่งเป้าขยายพอร์ตปล่อยสินเชื่อ 4 กลุ่มธุรกิจ "พลังงานทดแทน บริการทางการแพทย์ อาหารเครื่องดื่ม และโลจิสติกส์" ธุรกิจที่มีเทรนด์การขยายตัวเติบโต ต่อยอดการปล่อยสินเชื่อแฟกตอริ่งผ่านช่องทางออนไลน์ และ ขยายพอร์ตสินเชื่อประหยัด GREEN Project ส่งซิกปี 67 ตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
นายอัครวิทย์ สุกใส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AF ผู้นำด้านการให้บริการเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นแก่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs เปิดเผยว่า แนวโน้ม อุตสาหกรรมการปล่อยสินเชื่อในปี 2567 ยังคงต้องจับตาทิศทางและภาพรวมทางเศรษฐกิจโดยรวมทั้งภายในและภายนอกประเทศ เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยที่ยังมีความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น ในปี 2567 บริษัทจึงเน้นปล่อยให้สินเชื่อด้วยความระมัดระวัง กำหนดเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโต เพื่อเป็นการควบคุมและบริหารความเสี่ยง
ทั้งนี้ AF มองหาโอกาสในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แผนกลยุทธ์ขยายการปล่อยสินเชื่อไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตในปี 2567 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน 2.กลุ่มธุรกิจทางการแพทย์ 3.กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และ 4.กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ โดยในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2566 พร้อมขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ
ทั้งนี้ ในการปล่อยสินเชื่อ บริษัทคำนึงถึงการให้สินเชื่อโดยมีการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อีกทั้งมีการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงองค์กรให้สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ เพื่อสอดรับกับนโยบายของบริษัทที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ภายใต้การกำกับดูแลที่เป็นมาตรฐานสำหรับสถาบันการเงิน โดยมีการกำหนดนโยบายและแผนงานการบริหารความเสี่ยงที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน สะท้อนได้จากการที่บริษัทได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ประจำปี 2566 โดย AF ได้รับคะแนนจากการประเมิน 99% ขณะที่บริษัทจดทะเบียนกลุ่มธุรกิจการเงินได้คะแนนเฉลี่ย 88% และยังติด Top Quartile บริษัทจดทะเบียนโดยรวม
และกลุ่มที่มี Market Cap 1,000-2,999 ล้านบาท และยังได้รับคะแนนหมวดการเปิดเผยข้อมูลความโปร่งใสในระดับดีเยี่ยม คือ 102% ซึ่งเป็นคะแนนเกิน 100% และจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ AF มั่นใจว่าจะสามารถบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และเชื่อมั่นในความโปร่งใสและการกำกับดูแลกิจการของบริษัท
ทั้งนี้ หากพิจารณามูลค่าการขอสินเชื่อของบริษัทในปัจจุบันยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหลังพ้นช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 แม้อยู่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องมูลค่าอุตสาหกรรมแฟกตอริ่งที่มีมูลค่าการปล่อยสินเชื่อรวมไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ยังมีผู้ประกอบการประเภท SMEs ในประเทศจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับธุรกิจ จึงเป็นโอกาสของผู้ให้บริการสินเชื่อแฟกตอริ่งเร่งกลยุทธ์เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยปีที่ผ่านมา AF ยกระดับการให้บริการทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแพลตฟอร์ม “แฟคตอริ่งออนไลน์” ซึ่งถือเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อแฟกตอริ่ง ที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย ที่ให้บริการยื่นขอสินเชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหลังจากที่เริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกในช่วงปลายไตรมาส 3/2566 ที่ผ่านมา มีผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ซึ่งรูปแบบการให้บริการดังกล่าวช่วยให้ผู้ขอสินเชื่อสามารถยื่นขอสินเชื่อแฟกตอริ่งได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
ส่วนแผนการพัฒนา แฟคตอริ่งออนไลน์ เฟสที่ 2 นั้นคาดว่าจะเริ่มช่วงกลางปี 2567 โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการสินเชื่อแฟคตอริ่งออนไลน์ เพิ่มขึ้นประมาณ 50% ในช่วงปีแรก และคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 20% ในปีถัดไป
นอกจากนี้ AF ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับโครงการพลังงานสะอาด โครงการประหยัดพลังงาน หรือ GREEN Project ให้ลูกค้าที่ต้องการปรับปรุงกระบวนการผลิต หรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ โดยเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องปณิธานของบริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญในการมีส่วนร่วมเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และร่วมรับผิดชอบต่อสังคม สอดรับกับแนวทาง ESG ในการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทปล่อยสินเชื่อทุกประเภทสำหรับลูกค้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างพลังงานสะอาด รวมแล้วกว่า 100 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าอัตราเติบโตการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่ม GREEN Project เฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 20%
“แนวโน้มความต้องการทางการเงินของผู้ประกอบการ SMEs จะยังมีเพิ่มขึ้น ด้วยการปรับตัวเข้าสู่ Net Zero ซึ่ง ส่งผลในการขยายฐานลูกค้าของบริษัท ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และผลกำไรของบริษัทในอนาคต”