xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดคริปโตหวัง "บิทคอยน์ทะลุ 1 แสนดอลลาร์" รับข่าวเฟดเบรกดอกเบี้ย-เปิดทาง Spot Bitcoin ETF

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ledger" ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตเจ้าดัง เผยมุมมองตลาดคริปโต หวังพลิกตลาดหมีเข้าสู่ตลาดกระทิงดันราคาทะยานแตะ 100,000 ดอลล่าร์ต่อ BTC หลังธนาคารกลางสหรัฐเบรกขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เม็ดเงินใหลกลับเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยง อีกทั้งกองทุนขนาดใหญ่หลายแห่ง ทยอยแห่ยื่น Spot Bitcoin ETF ส่งสัญญาณเป็นหลักประกันความน่าเชื่อถือของตลาดคริปโต

นายปาสคาล โกติเยร์ ซีอีโอของบริษัทเลดเจอร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีโดยระบุว่า "เชื่อว่าปี 2566 เป็นปีสำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับการเข้าสู่ตลาดกระทิงที่กำลังจะมาถึงโดยคาดว่าราคาบิทคอยน์จะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในปี 2567 และอาจจะลากยาวไปถึงปี 2568”

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี เริ่มได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 โดยเฉพาะจากอัตราเงินเฟื้อที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้เฟด หรือธนาคารกลางสหรัฐจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้เม็ดเงินที่เคยเคลื่อนไหวอยู่ในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดคริปโต ย้ายฐานออกไปยังสินทรัพย์มั่นคง เช่นทองคำ

นอกจากนี้ กรณีการล้มละลายของ LUNA ที่เป็นเหมือน การล้มละลายแบบเครือข่ายใยแมงมุม (Spiderweb Bankruptcy)** ได้แก่ปรากฏการณ์ที่บริษัทหรือองค์กรในอุตสาหกรรมคริปโตหลายแห่งล้มละลายไปพร้อม ๆ กัน ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังบริษัทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การล้มละลายของบริษัทคริปโตฯ หลายแห่ง, คดีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบริษัทซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ระดับโลก โดยนายแซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งบริษัท FTX เผชิญกับโทษจำคุกกว่า 100 ปี หลังจากที่เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงถึง 7 กระทง กระทั่งล่าสุด นายฉางเผิงจ้าว ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไบแนนซ์ ได้ยอมรับสารภาพว่ากระทำผิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินและละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี หลังจากวิกฤตการณ์ดังกล่าวผ่านพ้นไปแล้ว นักลงทุนเริ่มกลับมามีมุมมองบวกต่อตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอีกครั้ง โดยเฉพาะราคาบิทคอยน์ เนื่องจากเชื่อว่าการที่เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 จะเป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงบิทคอยน์ และคาดว่าอุปสงค์บิทคอยน์จะปรับตัวสูงขึ้น หากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) อนุญาตให้บริษัทต่าง ๆ รวมถึงบริษัทแบล็กร็อก ซึ่งได้รับอารอนุมัติจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ภายในเดือน ม.ค. 2567 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในสหรัฐ

ทั้งนี้ผู้ประกอบการและผู้บริหารกลุ่มอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ต่างก็มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มบิทคอยน์ โดยคาดว่าราคาบิทคอยน์จะทำสถิติพุ่งขึ้นทะลุระดับ 100,000 ดอลลาร์ในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีดังกล่าว รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอุปสงค์บิทคอยน์จะพุ่งขึ้นขานรับแนวโน้มการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF เป็นครั้งแรกในสหรัฐ และปรากฏการณ์บิทคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง (Bitcoin Halving) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. 2567

ลักษณะความเกี่ยวโยงของเครือข่ายใยแมงมุม ที่เชื่อมโยงทำให้เกิดการล่มสลายของธุรกิจ
การล้มละลายแบบเครือข่ายใยแมงมุม (Spiderweb Bankruptcy) คือปรากฏการณ์ที่บริษัทหรือองค์กรในอุตสาหกรรมคริปโตหลายแห่งล้มละลายไปพร้อม ๆ กัน ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังบริษัทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

การล้มละลายแบบเครือข่ายใยแมงมุมอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

ตลาดคริปโตตกต่ำอย่างรุนแรง ทำให้บริษัทหลายแห่งขาดสภาพคล่องและไม่สามารถชำระหนี้ได้

บริษัทบางแห่งดำเนินธุรกิจแบบเก็งกำไรมากเกินไป จนทำให้มีหนี้สินจำนวนมาก

บริษัทบางแห่งมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ซับซ้อนกับบริษัทอื่น ๆ ทำให้เมื่อบริษัทใดบริษัทหนึ่งล้มละลาย ก็อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทอื่น ๆ ตามมา

การล้มละลายแบบเครือข่ายใยแมงมุมอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโตในวงกว้าง เช่น

1.ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง
2.ทำให้ตลาดคริปโตผันผวนมากขึ้น
3.ทำให้บริษัทคริปโตอื่น ๆ เสี่ยงต่อการล้มละลายตาม

ตัวอย่างของการล้มละลายแบบเครือข่ายใยแมงมุมในอุตสาหกรรมคริปโต ได้แก่

1.การล้มละลายของ TerraUSD และ Luna ในปี 2565 ส่งผลกระทบต่อบริษัทคริปโตหลายแห่ง เช่น Celsius Network, Three Arrows Capital และ Babel Finance

2.การล้มละลายของ Mt. Gox ในปี 2557 ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตทั่วโลก

ทั้งนี้ การล้มละลายแบบเครือข่ายใยแมงมุมเป็นความเสี่ยงที่บริษัทคริปโตทุกแห่งต้องเผชิญ ผู้ประกอบการคริปโตจึงควรมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี และเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น