ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง เผยกิจการค้าชนะประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 2 โครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ 2 (SP2) และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ 3 (SP3) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งแห่งละ 10 เมกะวัตต์ ดันกำลังผลิตรวมชีวมวล-ขยะแตะ 110 MW หนุนผลงานอนาคตโตแกร่ง
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่า TPCH และบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด (SP) ซึ่งเป็นกิจการค้าร่วมได้ชนะการเสนอราคาประกวดราคาจ้างโครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนด้วยการแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ 2 (SP2) ขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองสาหร่าย ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ และ 2.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ 3 (SP3) ขององค์การบริหารส่วนตำบลนากลาง ตั้งอยู่ที่ตำบลนากลาง อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์
"การที่ TPCH ชนะการประกวดราคาโรงไฟฟ้าพลังงานขยะทั้ง 2 โครงการ ทำให้มีกำลังการผลิตในส่วนของพลังงานขยะเพิ่มอีก 20 เมกะวัตต์ เป็น 29.5 เมกะวัตต์ จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 9.5 เมกะวัตต์ ของโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ SP1 และหากรวมกับโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG จะมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 110 เมกะวัตต์ มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ผลงานของบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต" นางกนกทิพย์ กล่าว
นายทวี จงควินิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด (SP) กล่าวว่า สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ 2 (SP2) คาดว่า จะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายในปีนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ 3 (SP3) คาดว่า จะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายในไตรมาส 1/2567 นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะเพิ่มอีกประมาณ 4 โครงการ ภายใต้บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโครงการรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer) เพื่อเข้าร่วมโครงการรับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ SP เป็นกิจการร่วมค้าที่ TPCH เข้าไปถือหุ้นในบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ในสัดส่วน 50% และกลุ่มนายทวี จงควินิต ถือหุ้นในสัดส่วน 50%
อย่างไรก็ตาม TPCH ตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569 แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล 90 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ 70 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในต่างประเทศ 340 เมกะวัตต์