เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. เร่งเดินหน้าเข้าวางระบบ 2 โครงการใหญ่เปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สีชมพู เฟส 2 รวมมูลค่า 6,994 ล้านบาท ขณะที่ Backlog สิ้น Q3 อยู่ที่ 9,963 ล้านบาท รุกประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง ทั้งงานวางระบบไฟฟ้า และงานออยล์แอนด์แก๊ส เพื่อสร้างรายได้เติบโตก้าวกระโดด สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฏาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งวันเริ่มงานก่อสร้างโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน จากบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง จำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่า 6,994,082,600 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ประกอบด้วย 1.งานก่อสร้างโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เฟส 2 (ช่วงแยกลำสาลี-ถนนเทพารักษ์) มูลค่า 3,087,949,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยจะเริ่มทำงานตามสัญญาเป็นวันที่ 4 ตุลาคม 2566 มีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1,260 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาและรับประกัน 2 ปี
2.การก่อสร้างโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู เฟส 2 (ช่วงคลองถนน-ถนนรามคำแหง) มูลค่า 3,906,133,600 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยจะเริ่มทำงานตามสัญญาเป็นวันที่ 25 ตุลาคม 2566 มีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1,260 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาและรับประกัน 2 ปี
“งานก่อสร้างโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินทั้ง 2 โครงการ เป็นโครงการขนาดใหญ่มูลค่าสูงเกือบ 7,000 ล้านบาท ขณะที่ Backlog สิ้น Q3 อยู่ที่ 9,963 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ใน 3-5 ปี และบริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ๆ ต่อเนื่อง ทั้งงานวางระบบไฟฟ้า และงานออยล์แอนด์แก๊ส เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว และสร้างความมั่นคงและผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น” นายจรัญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมธุรกิจในปี 2566 ของ JR มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยความชัดเจนด้านการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสได้รับงานใหม่ที่มีขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น และประเมินว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะดีขึ้นต่อเนื่องตลอดถึงปี 2567