ตลาดหุ้นไทยแถลงปมร้อนอีกรอบ หลังกระแส Short Sell-Program Trading กดดันความเชื่อมั่นไม่เลิก พร้อมดึงนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์มาช่วยตรวจสอบรับรอง หวังกระตุ้นตลาด และเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนรายย่อยประกาศหยุดเทรดวันที่ 20 พ.ย.นี้
นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถลงข่าวออนไลน์ผ่านระบบสตรีมมิ่งถึงประเด็น Short Sell-Program Trading วันนี้ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลซื้อขายรายวัน Program Trading Value เพิ่มเติมบนเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้นักลงทุนนำไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น โดยจะแสดงให้เห็นว่าในวันที่ผ่านมามี Program Trading เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ หรือมียอดซื้อ ยอดขายเท่าไหร่ รวมถึง Non Program Trading คิดเป็นเป็นสัดส่วนเท่าไหร่
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมนำเสนอข้อมูล Program Trading รายหลักทรัพย์ต่อนักลงทุนแบบสาธารณะด้วย โดยกำหนด Criteria เอาเฉพาะหลักทรัพย์ที่มีราคาเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก หรือบวก-ลบ 10% และมีมูลค่าซื้อขายมากกว่า 50 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน หากหุ้นตัวนั้นๆ ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงไม่ถึง 10% แต่มีมูลค่าซื้อขายสูงเกินกว่า 50 ล้านบาท จะไม่ได้ถูกดึงขึ้นมาแสดง อีกทั้งต้องเป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และ mai ไม่นับรวมกับ DW, DR
ในส่วนของ Program Trading ได้แก่การส่งคำสั่งซื้อขายด้วยชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ ซึ่งในกรณีที่ถึงเงื่อนไขที่กำหนด เช่น ราคาของหลักทรัพย์ หรือระดับของดัชนี เมื่อถึงระดับที่กำหนดไว้ให้ส่งคำสั่งซื้อ หรือคำสั่งขาย โดยโบรกเกอร์หลายแห่งก็ให้บริการกับนักลงทุนรายย่อยด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาที่มีความผันผวน พบว่ามีหลักทรัพย์ที่มีราคาเปลี่ยนแปลงเกิน 10% อยู่ประมาณ 5-6 รายการ
“การเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเราไม่ได้มุ่งหวังลดความผันผวนของตลาด แต่เพื่อต้องการสะท้อนว่าเรารับฟังข้อมูลของนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย” นายรองรักษ์ กล่าว
ขณะที่ประเด็นการตรวจสอบ Naked Short Selling ที่ดำเนินการผ่านผู้ดูแลรับฝากทรัพย์สิน (Custodian) จากต่างประเทศ ยืนยันว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถตรวจสอบได้ แม้จะมีการปิดดีลภายในวัน (Net Settlement) เพราะทุกธุรกรรมจะมีการประทับเวลา (Time Stamp) และติดตามข้อมูลย้อนหลังได้ ที่สำคัญธุรกรรมต้องตรงกับข้อมูลที่อยู่ในบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) หากผิดปกติแสดงว่ามีการแก้ไขหรือปกปิดธุรกรรม
อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการ Custodian ล้วนเป็นบริษัทระดับ Global มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือต้องรักษา การเสี่ยงแก้ไขข้อมูลเพื่อประโยชน์ของลูกค้ารายใดรายหนึ่งคงไม่น่าเกิดขึ้น
และยืนยันอีกครั้งว่าการทำ Naked Short Selling ถือเป็นความผิดอาญาตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ หากตรวจสอบพบจะส่งเรื่องให้ ก.ล.ต.ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทันที
“ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการตรวจจับ Naked Short Selling และได้มีการลงโทษสมาชิกไปแล้ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยกระบวนการตรวจสอบจะเป็นการเข้าไปตรวจสอบกับบริษัทสมาชิก ซึ่ง ณ วันที่ส่งคำสั่งขายนักลงทุนมีหุ้นที่ขายหรือไม่ นักลงทุนมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ตรงนั้น ในกรณีที่เป็นนักลงทุนต่างชาติ แม้หุ้นจะฝากอยู่ที่ Custodian โบรกเกอร์ต้องมีหน้าที่ไปสอบถามว่าเวลาที่ลูกค้าสั่งคำสั่งขายมีหุ้นในพอร์ตหรือไม่ ซึ่ง Custodian ก็มี Time Stamp ของหุ้นในพอร์ต และทุกสิ้นวัน Custodian จะมีขั้นตอนการส่ง Outstanding Balance ไปให้ลูกค้าของเขา ก็เป็นการยื่นยันข้อมูลอีกระดับหนึ่ง” นายรองรักษ์ กล่าว
ด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ประเด็นที่ Program Trading มีบทบาทในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ขออธิบายว่า Program Trading มีหลายลักษณะ โดยแบ่งออกเป็น
1.ที่นักลงทุนสถาบันใช้มาอย่างยาวนาน คือ การส่งคำสั่งแบบเป็นรูปแบบ หรือเป็นการเฉลี่ยซื้อหรือขายตลอดทั้งวันตามวอลุ่มที่เข้ามา และหลายโบรกเกอร์มีการทำ Program Trading ลักษณะนี้ให้นักลงทุนรายย่อยใช้ด้วยเช่นกัน
2.การใช้คอมพิวเตอร์จับสัญญาณแทนคนและใช้ Program ส่งคำสั่ง โดยรูปแบบนี้มีหลายโบรกเกอร์ทำกัน และเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยจำนวนหนึ่งก็ทำลักษณะนี้ เชื่อมต่อกับ Settrade
3.Issuer ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการตรวจสอบ และ
4.High Frequency Trading หรือ HFT
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า Program Trading ใน 3 กลุ่มแรก ช่วยให้มีประสิทธิภาพในการทำกำไรสูงขึ้น ส่วนลักษณะที่ 4 ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อนักลงทุนเฉพาะกลุ่ม เช่น นักลงทุนระยะสั้น สายซิ่งที่เน้นปริมาณสูง เข้าเร็ว ออกเร็ว เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่ทุกกลุ่มของตลาดหลักทรัพย์ไทย และไม่ถึงกับทำให้ตลาดอยู่ในภาวะซึมเซา แต่จะเป็นเฉพาะบางเวลาและจังหวะเท่านั้นที่มีผล
ในส่วนของ Short Sell นั้นถือเป็นกติกาที่มีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ทำให้กลไกของตลาดทำงานได้ดีขึ้น เพราะทำให้เกิดการลงทุนได้ทั้งสองฝั่ง ทั้งฝั่งซื้อ และฝั่งขาย แต่ที่มีปัญหาคือ การทำ Naked Short Selling ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว รวมถึงโบรกเกอร์ก็ถูกตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา
"ในอดีตที่ผ่านมามีการตรวจพบการทำ Naked Short Sell บ้าง และได้มีการลงโทษไปตามกฎหมาย ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. ยังคงดำเนินการตรวจการกระทำ Naked Short Selling อยู่เป็นรอบๆ" นายพิเชษฐ กล่าว
นอกจากนี้ ส่วนของกรณีที่มีข้อกังวลว่ากลุ่มซื้อขายผ่าน HFT มีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าการซื้อขายปกติ ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ มองเรื่องดังกล่าวว่ายังคลุมเครือ ไม่สามารถบอกได้ว่าถูกหรือแพง เนื่องจากแต่ละโบรกเกอร์มีลักษณะการทำธุรกิจแตกต่างกัน บางโบรกเกอร์มีนักลงทุนรายใหญ่ค่อนข้างมาก บางโบรกเกอร์อาจมีน้อยมาก หรือมี HFT มาก โดยเชื่อว่าค่าธรรมเนียนเป็นเสรี ขึ้นอยู่กับว่าโบรกเกอร์มองธุรกิจไหนเพื่อทำให้มีโครงสร้างรายได้ที่เหมาะสม
ขณะที่ประเด็นการรวมกันหยุดเทรดในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ของนักลงทุนรายย่อย มองว่าเป็นสิทธิของนักลงทุน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ พยายามทำหน้าที่ในการให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสในเรื่องที่นักลงทุนให้ความสนใจ ซึ่งสามารถเข้ามาดูได้บนเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดเวลา