ASPS เชื่อแนวคิดตั้งกองทุน ESG จะช่วยหนุนมูลค่าการซื้อขายกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยคาดเม็ดเงินหนุนช่วงที่เหลือของปีประมาณ 2-7 หมื่นล้านบาท หลังล่าสุดตลาดถูกกดดันหนักจาก SHORT SELL พร้อมเปิดโผหุ้นที่โดน SHORT SELL หนักที่สุดตั้งแต่เดือน ก.ย.-ปัจจุบัน หนีไม่พ้นหุ้นบิ๊กแคป ทั้ง PTT-PTTEP-BDMS-AOT เป็นต้น เชียร์ลงทุนเน้นหุ้นที่อยู่ใน SETESG INDEX ที่ถูก SHORT เยอะๆ มีโอกาสได้เม็ดเงินใหม่หนุน มี EA, BGRIM, GPSC, SCGP, PTTGC
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประชุมเพื่อหารือ เรื่อง สภาวะตลาดหุ้นกับปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยมีแนวคิดจะทำกองทุนพยุงหุ้น ESG FUND
ASPS ประเมินว่า แนวคิดดังกล่าวอาจกลับมาหนุนมูลค่าซื้อขายคึกคักอีกครั้งตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.66-ปัจจุบัน SET INDEX ปรับตัวลงแรงกว่า -179 จุด หรือ -11.4% จนล่าสุดปิดที่ระดับ 1,387.13 จุด ซึ่งส่วนหนึ่งโดนกดดันมาจากการ SHORTSELL หุ้นรายตัว สังเกตได้จากการปรับตัวลงแรงของหุ้นในแต่ละวันของช่วงที่ผ่านมา
คาดมีเม็ดเงินหนุนช่วงที่เหลือของปี 2-7 หมื่นล้านบาท หากตั้งกอง ESG
ขณะที่ระยะถัดไป SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นหลังรัฐบาลเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของ SET INDEX โดยวันนี้ (14 พ.ย.) จะมีการประชุมของรัฐบาล FETCO - AIMC เกี่ยวกับประเด็นข้อสรุปเกณฑ์ตั้ง ESG FUND (ไม่ใช่กองทุนพยุงหุ้น แต่จะเป็นกองทุนคล้าย LTF) ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินว่าหาก ESG FUND ได้รับการอนุมัติจะเป็นภาพบวกต่อ SET INDEX ให้มีมูลค่าซื้อขายกลับมาคึกคักอีกครั้ง คาดหวังเม็ดเงินหนุนช่วงที่เหลือของปี 2-7 หมื่นล้านบาท เฉกเช่นเดียวกับช่วงที่มีกองทุนประหยัดภาษี LTF ที่มีมูลค่าเม็ดเงินหนุนตลาดกว่า 6-7 หมื่นล้านบาท/ปี (เฉพาะเดือน ธ.ค. มีมูลค่าเม็ดเงินหนุนตลาดกว่า 2 หมื่นล้านบาท)
เปิดโผส่วนใหญ่หุ้นบิ๊กแคปถูก SHORT SELL หนักสุด
สำหรับหุ้นที่ถูก SHORT SELL มากสุด (ก.ย. 23-ปัจจุบัน) คือ PTT, PTTEP-R, BDMS, AOT, DELTA-R, PTTEP, ADVANC, SCB-R, CPALL, AOT-R, EA-R เป็นต้น ขณะที่หากพิจารณาเป็นภาพรวม SET INDEX จะเห็นได้ว่ามูลค่าการ SHORT SELL ในปัจจุบันสูงกว่าในช่วงก่อนมีกฎ UPTICK ในช่วง COVID ปี 2560 เสียอีก โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ช่วงก่อนมี UPTICK (ม.ค.63-กลาง มี.ค.63) SET INDEX ปรับตัวลง -39% โดยมีปริมาณ SHORT SELL 6% จากมูลค่าซื้อขาย 6.68 หมื่นล้านบาท/วัน
ช่วง ก.ย.66-13 พ.ย.66 SET INDEX ปรับตัวลง -11% โดยมีปริมาณ SHORT SELL 11% จากมูลค่าซื้อขาย 4.62 หมื่นล้านบาท/วัน
เชียร์ลงทุนหุ้นใน SETESG INDEX ที่ถูก SHORT ไปมากๆ ก่อนหน้านี้
ฝ่ายวิจัย ASPS ระบุว่า ESG FUND ยังมีความน่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ SETESG INDEX ชนะ SET INDEX ทุก TIMEFRAME กล่าวคือ SETESG INDEX มีความสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า SET INDEX ทั้งช่วงตลาดหมี และกระทิง ดังนั้น คาดทำให้หุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SETESG INDEX ทั้ง 114 ตัว จะน่าสนใจขึ้น และเป็นเป้าหมายของ ACTIVE FUND และ PASSIVE FUND
โดยกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่อยู่ใน SETESG INDEX ที่ถูก SHORT เยอะๆ มีโอกาสได้เม็ดเงินใหม่หนุน บวกกับถูก COVERED SHORT โดยมีเงื่อนไขการคัดกรอง ดังนี้
หุ้นใน SETESG เฉพาะที่มี RATING ระดับ AAA และ AA
ถูกนักลงทุน SHORT SELL มากกว่า 1 พันล้านบาท ในช่วง ก.ย.66-ปัจจุบัน
ซึ่งได้บริษัทที่น่าลงทุน คือ EA, BGRIM, GPSC, SCGP, PTTGC, HMPRO, GULF,CPALL, CRC, SCC, MINT, SIRI