บลูมเบิร์กเผยฮ่องกงกำลังพิจารณาอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อกองทุน Spot Crypto ETF ตราบที่ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของฮ่องกงในการสร้างฮับสินทรัพย์ดิจิตอลแห่งเอเชีย-แปซิฟิก
จูเลีย เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (SFC) เปิดเผยว่า SFC กำลังพิจารณาอนุมัติกองทุน Spot Crypto ETF เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้ ตราบที่กองทุนเหล่านั้นปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของฮ่องกง และสำทับว่า ฮ่องกงยินดีต้อนรับข้อเสนอที่ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพและประสบการณ์ของลูกค้า
“เราเต็มใจลองตราบที่ความเสี่ยงใหม่ๆ ได้รับการจัดการ และแนวทางนี้จะใช้กับสินทรัพย์ทุกประเภท” เหลียงกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศครั้งแรกนับจากรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา
กองทุน Spot Crypto ETF คือกองทุนรวมดัชนีที่อ้างอิงราคาคริปโตและสามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ในเวลาทำการ และกองทุน ETF เปิดโอกาสให้นักลงทุนลงทุนในสินทรัพย์ได้โดยไม่ต้องถือครองเองโดยตรง
ความเคลื่อนไหวนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า SFC อาจยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับกองทุน Spot Crypto ETF สำหรับนักลงทุนรายย่อยจากที่ประกาศไปเมื่อเดือนตุลาคม อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวโน้มล่าสุดของฮ่องกงในการดำเนินการระเบียบข้อบังคับที่ส่งเสริมคริปโต
ตลอดปีนี้ฮ่องกงกระตือรือร้นในการกำหนดบทบาทตัวเองเป็นฮับที่เป็นมิตรต่อคริปโตด้วยการประกาศแผนการริ่เริ่มหลายอย่างที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่นี้
ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนมิถุนายน ฮ่องกงเปิดตัวกรอบโครงข้อบังคับสำหรับสินทรัพย์เสมือนอันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามทวงตำแหน่งฮับการเงินคืน กฎข้อบังคับเหล่านี้ไม่เพียงดึงดูดบริษัทต่างๆ เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการปกป้องนักลงทุนด้วย
ภายใต้กฎข้อบังคับสินทรัพย์ดิจิตอลของ SFC นักลงทุนรายย่อยสามารถเทรดคริปโตสกุลหลักอย่างบิตคอยน์และอีเธอร์ผ่านกระดานเทรดที่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งขณะนี้มีเพียง OSL ของบีซี เทคโนโลยี กรุ๊ป และแฮชคีย์ เอ็กซ์เชนจ์เท่านั้น
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่พยายามดันตัวเองเป็นฮับสินทรัพย์ดิจิตอล ขณะที่อุตสาหกรรมนี้ค่อยๆ ฟื้นตัวจากภาวะตลาดล่มเมื่อปีที่แล้วที่มูลค่าหายไปถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยคู่แข่งของฮ่องกงรวมถึงสิงคโปร์ ดูไบ และสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมคริปโตมองว่า ETF เป็นช่องทางทำให้สินทรัพย์ดิจิตอลเข้าสู่กระแสหลักมากขึ้น เนื่องจากกองทุนประเภทนี้เปิดทางให้สามารถเข้าถึงนักลงทุนจำนวนมากขึ้น
การที่ราคาบิตคอยน์ทะยานถึง 110% ในปีนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการคาดการณ์ว่า การยื่นขอจดทะเบียนกองทุน Spot Bitcoin ETF ของบริษัท อาทิ แบล็กร็อก จะได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เร็วๆ นี้
ปัจจุบัน ทั้งฮ่องกงและอเมริกาอนุญาตเฉพาะกองทุน crypto ETF แบบฟิวเจอร์ แต่ยังมีการตอบรับไม่มากนักเมื่อเทียบกับขนาดโดยรวมของอุตสาหกรรมกองทุน
อย่างไรก็ตาม กองทุน Spot ETF จะได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหนยังเป็นคำถามปลายเปิด หลังจากความชุลมุนวุ่นวายของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิตอลในปีที่ผ่านมา และการตัดสินลงโทษแซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งกระดานเทรดคริปโต FTX ฐานฉ้อโกงเงินลูกค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำลายชื่อเสียงคริปโตอย่างรุนแรง