xs
xsm
sm
md
lg

อสังหาฯ 2 เดือนสุดท้ายยังต้องลุ้นจับตา "มหกรรมบ้านและคอนโด" บูทยอดขาย Q4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผ่านไปแล้วกับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 เปิดงานอย่างคึกคักในวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมหกรรมบ้านและคอนโด เป็นงานใหญ่ของ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ที่ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย โดยงานนี้เป็นงานที่รวบรวมโครงการอสังหาฯ ทั้งแนวราบ และแนวสูงที่ใหญ่ที่สุดของปี และคาดการณ์กันว่า จะสามารถกระตุ้นตลาดในช่วงปลายปีได้เป็นอย่างดี

ดร.ทัพพ์เทพ ภัคกระนก
ดร.ทัพพ์เทพ ภัคกระนก ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 กล่าวว่า งานมหกรรมบ้านและคอนโด ถือเป็นโอกาสดีที่สุดของโค้งสุดท้ายปี 66 เพราะนอกจากมาตรการรัฐลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง หรือการผ่อนปรนมาตรการ LTV ในกรณีกู้ร่วมยังคงทำงานอยู่ ทางด้านผู้ประกอบการเองในปีนี้มีโครงการใหม่ๆ มานำเสนอมากขึ้น บวกกับโครงการดีๆ ที่มีอยู่ในสต๊อก ทำให้มีสินค้ามากมายให้เลือกชอปกันอย่างจุใจ รวมมากกว่า 1,000 โครงการ ซึ่งผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะบิ๊กแบรนด์ เช่น ออริจิ้น อนันดา ซีเอ็มซี ลลิล แสนสิริ เอพี สัมมากร ธารารมณ์ ริชี่ สถาพร เอสเตท และแกรนด์ ยูนิตี้ ได้จัดโปรโมชันพิเศษมากมายเพื่อกระตุ้นการขายและเร่งการตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์ภายในงาน ทั้งราคาสุดพิเศษและของแถมมากมาย

นอกจากโปรโมชันจากผู้ประกอบการแล้ว ธนาคารยูโอบียังได้มีของขวัญสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ยื่นคำขอสินเชื่อบ้านภายในงานนั่นคือ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 2 ปีแรก เริ่มต้นที่ 2.75% ต่อปี พร้อมโปรโมชันฟรีค่าประเมินหลักทรัพย์ ฟรีค่าอากรแสตมป์ และฟรีค่าประกันอัคคีภัย 3 ปี ไม่รวมของพรีเมียมสุดเก๋ อย่างกระเป๋าเดินทางยูโอบี ส่วนโปรโมชันของงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 ที่ทางสามสมาคมผู้จัดงานได้เตรียมไว้สำหรับผู้จองซื้อที่อยู่อาศัยในงาน มีทั้งสิทธิในการลุ้นรับทองคำหนัก 10 บาท และเครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ยอดนิยม พานาโซนิค รวมมูลค่าเกือบ 6 แสนบาท ซึ่งเชื่อว่าจะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้อย่างดี 

อนึ่ง นอกจากยอดขาย ยอดจองซื้อที่อยู่อาศัยที่เกิดขึ้นภายในงานแล้ว ยอดการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยหลังการจัดงาน จากการติดตามเสนอขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาชม หรือเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในงานจากการติดตามของเซลล์ขายบ้านมียอดขายเกิดขึ้นไม่น้อยกว่ายอดขายภายในงานเช่นกัน โดยยอดขายที่เกิดขึ้นหลังงานนี้จะเป็นตัวเลขที่ช่วยบูทยอดขายของตลาดอสังหาฯ ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ได้อย่างดี เพราะนอกจากแคมเปญที่จัดขึ้นในงายนแล้ว หลังงานแต่ละบริษัทจะมีการออกแคมเปญใหม่เพื่อกระตุ้นและสร้างความต่อเนื่อด้านยอดขายในช่วงปลายปีของแต่ละบริษัทออกมาอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายคึกคักมากยิ่งขึ้น 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดการณ์สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ 2 เดือนสุดท้ายนี้ ในภาพรวมตลาดอสังหาฯ ยังไม่ค่อยดีนัก เหตุจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจโลกและความผันผวนจากภาวะสงครามที่ส่งผลต่อประเทศไทย โดยความหวังในปีนี้และปีหน้า คือการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐโดยการส่งเสริมการลงทุนและการท่องเที่ยวภายในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกในด้านกำลังซื้อของลูกค้าในกลุ่ม Real Demand ที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จากอัตราการจ้างงานเพิ่มสูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าที่คาด และการกลับมาของชาวต่างชาติด้านการท่องเที่ยวมีจำนวนเพิ่มขึ้น นโยบายฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ

“ในส่วนของกำลังซื้อในปีนี้ชะลอตัวเล็กน้อย เนื่องจากปัจจัยกดดันยังมีน้ำหนักค่อนข้างมากกว่าปัจจัยสนับสนุน ภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงทำให้กำลังซื้อเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ยังส่งผลต่อกำลังซื้อและการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอีกด้วย ส่วนปัจจัยลบไม่ว่าจะเป็น ภาวะสงครามตะวันออกกลาง อัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ภาวะหนี้ครัวเรือนมีอัตราส่วนที่ยังสูง ต้นทุนการก่อสร้างมีแนวโน้มสูงขึ้น นักลงทุนและผู้บริโภคจีนได้รับผลกระทบจากวิกฤตอสังหาฯ จีน ส่งผลทำให้กำลังซื้อลดลงบ้างจึงทำให้ตลาดขยายตัวได้ไม่สูงอย่างที่หลายคนคาดหวัง”

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า สำหรับนวโน้มตลาดต้นปี 67 คาดว่ารัฐบาลจะมีการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะส่งผลให้การขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นปัจจัยเรื่องดอกเบี้ย ทั้งนี้ ต้องจับตาดูสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางว่าส่งผลกระทบต่อเศรษกิจทั่วโลกมากน้อยเพียงใด 

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และภาคอสังหาฯ ภาครัฐควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวตามหัวเมืองหลักและเมืองรอง หากการท่องเที่ยวดีจะส่งผลต่อธุรกิจอื่นๆ อีกด้วย เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจเพื่อสุขภาพ รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะจะช่วยเพิ่มความต้องการการซื้ออสังหาฯ ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงการกระตุ้นการซื้อบ้านหลังแรกของเด็กจบใหม่ และการผ่อนผัน LTV เพื่อให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และลดเวลาในการเดินทาง

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล
ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2 เดือนของไตรมาสสุดท้ายปี 66 ว่า จากแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในช่วงที่ผ่านมาตัวเลขการซื้อขายเริ่มปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าแนวโน้มนี้จะต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของตลาด โดยการปรับตัวที่ดีขึ้นของตลาดรวมเกิดจากปัจจัยบวกทางด้านการเมืองหลังจากที่รัฐบาลใหม่เริ่มมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน สถานการณ์การส่งออกของประเทศไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ การปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกเริ่มทรงตัวแล้ว หลังจากที่ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ประกาศใช้นโยบายคงตัวของอัตราดอกเบี้ยหรือจะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ ปัจจัยบวกที่เป็นกำลังเสริมอีกส่วนหนึ่งคือ ตลาดท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งขยายตัวได้เป็นอย่างดี แม้ว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนจะยังไม่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปริมาณมากตามที่คาดหวังกันไว้ แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มทยอยเดินทางเข้ามามากขึ้น สังเกตได้จากสัญญาณบวกในช่วงเดือนตุลาคม ที่นักท่องเที่ยวจีนทยอยกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น และมีผลให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะตลาดอสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดอสังหาฯ จะเริ่มฟื้นตัวกลับมาแล้วแต่การฟื้นตัวยังไม่เป็นไปอย่างเต็มที่ อย่างที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ ซึ่งการฟื้นตัวนี้อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

“ส่วนปัจจัยลบที่ยังน่ากังวลอยู่ในช่วงปลายปีนี้คือปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ สงครามระหว่างปาเลสไตน์-อิสราเอล ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนพลังงานและมีผลต่อราคาสินค้าค่าขนส่ง รวมไปถึงส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นและกำลังซื้อ”

อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีความจำเป็นต่อการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์แม้ว่าในช่วงก่อนหน้าจะมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนออกมาแล้ว แต่เพื่อเป็นการกระตุ้นกลุ่มเรียลดีมานด์ และกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกอยากให้รัฐบาลต่อขยายอายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนในกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ออกไปอีกเพื่อเป็นการช่วยลดภาระจากการเช่าที่อยู่อาศัยให้กลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรก ขณะเดียวกัน อยากให้มีการขยายฐานราคาบ้านในมาตรการลดค่าธรรทเนียมการโอนเพิ่มขึ้นไปให้ครอบคลุมถึงบ้านที่มีราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท


สำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัยที่มีการขยายตัวดีอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบในเซกเมนต์ที่จับกลุ่มเรียลดีมานด์ ซึ่งในขณะนี้แม้ว่าในตลาดจะถูกระบายออกไปค่อนข้างมาก แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบยังมีดีมานด์ใหม่เติมเข้ามาอยู่ตลอด แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ลูกค้าซื้อที่อยู่อาศัยได้ยากขึ้นยังคงเป็นปัจจัยในเรื่องของหนี้ครัวเรือนซึ่งอยู่ในระดับสูง ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อ สินค้าราคาแพงซึ่งมีผลกับกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยตรง นอกจากนี้ การเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยและการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยซึ่งในปีนี้มีการปรับตัวขึ้นมาแล้ว 7 ครั้ง ทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2.5% ปัจจัยเหล่านี้ยังทำให้กลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรกยังต้องประสบกับปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อ

“โดยส่วนตัวแล้วแม้ว่าตลาดจะยังมีปัจจัยลบแต่มั่นใจว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายอสังหาฯ จะปรับตัวดีขึ้น แต่จะปรับตัวได้ดีมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาการขยายตัวของจีดีพีในประเทศค่อนข้างต่ำกว่าประมาณการซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค”

นายชูรัชฏ์ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ปี 67 ว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าคาดว่าจะยังเติบโตต่อจากปีนี้แต่จะเติบโตได้มากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยขึ้นอยู่กับเครื่องจักร 2 ตัว คือการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะต้องพึ่งพาต่างชาติ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีหน้าภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องเนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย รวมไปถึงจะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ด้วย นอกจากนี้ หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเข้ามาจะช่วยให้ในปีหน้าตลาดที่อยู่อาศัยขยายตัวได้ดีมากขึ้น

ส่วนปัญหาของกำลังซื้อผู้บริโภคในปี 67 นั้นคาดว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเมื่อเทียบกับปีนี้เศรษฐกิจในปีหน้าน่าจะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลกซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศไปด้วย ทั้งนี้ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกสังเกตได้จากสถานการณ์ของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจในยุโรปที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น สหรัฐอเมริกาเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ปัจจัยบวกจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกเหล่านี้จะส่งผลดีต่อการส่งออกของประเทศไทยและมีผลให้เกิดการขยายตัวของจีดีพีในประเทศไทยได้ดีกว่าในปีนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น