นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนในระดับ 52,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่าเป้าหมายของปีนี้ที่วางไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท และมาครึ่งทางของเป้าหมาย 3 ปีที่ 1 แสนล้านบาทในปี 2568 โดยครอบคลุมการสนับสนุนลูกค้าทุกกลุ่มของธนาคาร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในกว่า 11 อุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ เช่น การท่องเที่ยว พลังงาน และภาคการผลิต เป็นต้น โดยมุ่งเน้นโครงการเปลี่ยนผ่านสู่ไฟฟ้าพลังงานทางเลือก จำนวน 12,600 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 10,000 ล้านบาท การสนับสนุนการเงินที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนกว่า 26,100 ล้านบาท รวมทั้งธุรกิจ SME SSME และลูกค้าบุคคลอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่ธนาคารได้เร่งเสริมสร้างความตระหนักรู้ของลูกค้าในประเด็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและโอกาสจาการดำเนินธุรกิจ พร้อมจัดสัมมนาและแบ่งปันความรู้ผ่านหลักสูตรต่างๆ รวมถึงเสริมสร้างองค์ความรู้ และแนวทางปฏิบัติที่ดีกับลูกค้าพันธมิตรที่มีประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อยให้ความสนใจและปรับตัวเพื่อสอดรับกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ธนาคารเองมีเป้าหมายการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งสู่ Net Zero จากการดำเนินงานภายในของธนาคารภายในปี 2030 และจากการให้สินเชื่อและการลงทุนภายในปี 2050 โดยมุ่งเน้นการนำพาองค์กร ลูกค้า และสังคมให้ก้าวไปข้างหน้า สร้างการเติบโตทางธุรกิจและเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน โดยมีแนวทางปฏิบัติใน 3 ส่วน ได้แก่ ปรับการดำเนินงานภายในองค์กรสู่ Net Zero ภายในปี 2030 ธนาคารได้เริ่มทยอยปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานในอาคารสำนักงานใหญ่เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ลดการใช้พลังงานในอาคาร 10-15% ด้วยการเพิ่มแสงสว่างในอาคาร การเปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED และระบบถ่ายเทความร้อนในอาคาร เตรียมการติดตั้ง Solar Cell ที่สำนักงานใหญ่ เปลี่ยนเป็นเครื่องปรับอากาศที่ใช้สารทำความเย็น R32 ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า 3,000 เครื่อง รวมถึงเปลี่ยนการใช้รถยนต์เป็นรถ EV 100% โดยคาดว่าการดำเนินการทั้งหมดจะสำเร็จ 100% ภายในปี 2028
นายกฤษณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมจะเป็นกำลังสำคัญผ่านการทำหน้าที่ของสถาบันการเงินหลักของประเทศด้วยความมุ่งมั่น และจะเป็นผู้นำในการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนแก่ลูกค้าทุกระดับ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศและโลกไปสู่เป้าหมาย Net Zero และการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ตลอดจนร่วมสนับสนุนในการให้ความรู้แก่องค์กรต่างๆ ในการบูรณาการแนวทางความยั่งยืนให้เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อให้ทุกคนสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน