“พิชัย” เผยแจกเงินดิจิทัล อาจใช้ "แอพเป๋าตัง" ส่อช้าลากยาวถึง ก.ย. 67

“พิชัย” ที่ปรึกษานายก ยัน! ปรับเกณฑ์-ใช้แอพเป๋าตังในการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจลากยาวไปถึง ก.ย. 67

นายพิชัย ชุณหวชิร  ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในงานเสวนา "นานาทัศนะกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท : เป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้ความท้าทายและพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศ" จัดโดยคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ร่วมกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา และคณะกรรมการวิชาการของวุฒิสภา โดยระบุว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปรับหลักเกณฑ์ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยแท้จริง ซึ่งอาจจะล่าช้าไปจากกรอบเวลาเดิมถึง ก.ย. 2567 ซึ่งหากไม่สามารถหาข้อสรุปบล็อกเชน แอปพลิเคชั่นที่ใช้ได้ อาจต้องปรับปรุงแอพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อนำมาใช้ในโครงการดังกล่าวนี้

"โครงการนี้จำเป็นต้องปรับหลักเกณฑ์ โดยเฉพาะคนที่มีรายได้สูง เพราะไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยแท้จริง" นายพิชัย กล่าว
ทั้งนี้นายพิชัย ยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากการพัฒนาระบบบล็อกเชนขึ้นมาใหม่ ทำให้ต้องใช้เวลานานและยุ่งยาก รวมถึงการใช้จ่ายอาจมีความล่าช้าจึงมีความเป็นไปได้ที่จะนำแอปพลิเคชันเป๋าตังกลับมาปรับปรุงเพื่อใช้งาน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการได้ในเดือน ก.ย.2567 โดยต้องผ่านการอนุมัติจากสภาฯก่อน


อดีตขุนคลัง ฟาด!! แจกเงินไม่ยั่งยืน

นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีต รมว.คลัง มองว่าโครงการดังกล่าวไม่ใช้การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และไม่ใช่ความยั่งยืน โดยมองว่าวิธีคิด วิธีทำงานต้องเปลี่ยน เพื่อเพิ่มศักยภาพ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ไม่ใช่หวังให้คนใช้จ่ายแล้วเศรษฐกิจจะขยายตัวได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลกำลังทำผิดกฎหมายหลายอย่าง จึงขอให้ฟังสำนักงบประมาณในการของบฯมาใช้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้เกิดการขาดดุล และผิดวินัยการเงินการคลัง ก่อหนี้ผูกพันธ์ระยะยาว


"ตอนนี้ประเทศเรากำลังเผชิญวิกฤต เพราะส่วนราชการต้องการเงินมหาศาลในการแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ แต่ไม่มีเงินให้ แต่ถ้าจะเอาเงินไปแจก แล้วบ้านนั้นบ้านนี้ได้เงินแล้วนำไปใช้อะไรที่เป็นประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ทำไมถึงไม่สร้างอะไรที่มีประโยชน์กว่า" นายพิสิฐ กล่าว

ขณะที่ภาคประชาชน สะท้อนออกมาผ่านทางจดหมายถึงสถานีโทรทัศน์เวิร์คพ้อยทีวี ผ่านทางรายการ หมายจับกับบรรจง โดยระบายถึงความในใจของโครงการแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท อาจไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายอย่างแท้จริง ในทางกลับกันอาจส่งผลให้ประเทศเกิดภาระหนี้ระยะยาว ซึ่งจะสร้างภาระเพิ่มขึ้น และอยากให้รัฐบาลกลับไปทบทวนนโยบายอื่นๆที่เป็นประโยชน์มากกว่าการแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท