เอสซีแอสเสท โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3 ทำนิวไฮ กวาดยอดขายรวม 8,500 ล้านบาท เติบโต 63% ย้ำผู้นำบ้านหรู และคอนโดฯ คุณภาพมาตรฐานสูง เผยพอร์ตบ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาท เติบโต 58%
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้นำ Living Solutions Provider เปิดเผยว่า สำหรับไตรมาส 3/66 SC ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม สร้างยอดขายประจำไตรมาสสูงสุด 8,500 ล้านบาท เติบโต 63% และ 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากยอดขายที่ทำได้ในไตรมาส 3 ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนที่ผ่านมา (ณ 30 ก.ย.66) ทำยอดขายรวมได้ 20,700 ล้านบาท เติบโต 20%
โดยปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องและทำยอดขาย New Record High ในไตรมาส 3 มาจากปัจจัยหลัก คือ นโยบายที่มุ่งพัฒนาโปรดักต์ ทั้งประเภทบ้านแนวราบ และแนวสูง (คอนโดมิเนียม) คุณภาพสูงที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย และการสานต่อการสรรหาและคิดค้นนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการส่งมอบ Living Solutions แก้ไขปัญหาชีวิตประจำวัน เพื่อลูกค้าจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และการวางนโยบายเชิงรุกเปิดตลาดคอนโดฯ Segment ใหม่ด้วยการเปิดตัว “COBE” (โคบบ์) เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการรักษาสถานะผู้นำในตลาดบ้านเดี่ยวคุณภาพสูง ทั้งนี้ สะท้อนภาพความสำเร็จนี้ได้จากยอดขายคอนโดฯ ที่ทำได้ถึงเกือบ 4,200 ล้านบาท เป็น new record high ยอดขายคอนโดฯ ที่สูงนี้มาจากยอดขายโครงการ COBE รัชดา-พระราม 9 ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคทำยอดขายไปแล้ว 56% หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อ มิ.ย.66 ขณะที่บ้านระดับ Luxury ราคาขายมากกว่า 20 ล้านบาท ยังได้รับการตอบรับที่ดี สร้างยอดขายเติบโตต่อเนื่อง โดยรอบ 9 เดือนพอร์ตบ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาท เติบโต 58%
สำหรับยอดพรีซลในช่วง 9 เดือนแรกของปีสูงถึงเกือบ 20,700 ล้านบาท เติบโต 20% แบ่งเป็นยอดขายแนวราบประมาณ 13,000 ล้านบาท และแนวสูง 7,700 ล้านบาท โดยยอดขายแนวสูงเติบโตถึง 145% มั่นใจว่าทั้งปีจะได้ยอดขายตามเป้าจากโครงการการที่เปิดขายอยู่ทั้งหมด รวมถึงการรุกตลาดในช่วงไตรมาส 4/66 ทั้งการจัดแคมเปญ หรือทำโปรโมชันทางการตลาด ควบคู่ไปกับการเปิดตัวโครงการใหม่ทำเลศักยภาพที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเป็นบ้านแนวราบ 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,700 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ 30 ก.ย.66 SC มีโครงการเหลือขายจำนวน 65 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 58,400 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านพร้อมที่ดิน 58 โครงการ มูลค่ารวม 46,300 ล้านบาท คิดเป็น 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% จำนวน 7 โครงการ เป็นคอนโดฯ มูลค่ารวม 12,100 ล้านบาท