สงครามอิสราเอลเปิดฉากตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.และทวีความรุนแรงต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่าจะส่งผลกระทบหุ้นไทยในวงจำกัด แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโดนกดดันจากปัจจัยลบหลายด้านทังผลการประชุมเฟดล่าสุด และภาวะเศรษฐกิจโลก ทำใหุ้นพิมพ์นิยมอย่าง SET100 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับตัวลงหลายหลักทรัพย์ โดย 10 อันดับที่ปรับตัวลดลงแรงที่สุดคือ
1.JMT บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -22.45% ,ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66 ปิด 38.00 บาท (เหลืออัพไซด์ 46.21% จากราคาเป้าหมาย 55.56 บาท), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ52สัปดาห์คือ 71.25 / 32.50 บาท , ค่า P/E 28.46เท่า,มาร์เก็ตแคป 55,470.10 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -44.93% อัตราปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 2.84%
1 ใน ห้นกลุ่ม ตระกูล J ปรับตัวร่วงลงยกกบุ่ม คาดกังวลเฟดกับการคงอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ และมีการปรับขึ้นในรอบหน้า รวมไปถึงคาดงบไตรมาส 3/66 อาจจะต่ำกว่าคาดนักลงทุนจึงมีความกังวลและเกิดการเทขายออกมา จณะผู้บริหารเจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มองอุตสาหกรรมหนี้ด้อยคุณภาพยังสดใส
2. SABUY บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -12.98% , ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66 ปิด 5.70 บาท (ไม่มีราคาเป้าหมาย), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 14.30 / 5.70 บาท , ค่า P/E 7.37 เท่า,มาร์เก็ตแคป 10,561.16 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -49.56%, ผลตอบแทนปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 2.69%
ความเคลื่อนไหวล่าสุด บมจ.เอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี หรือAIT แจ้งตลท.ว่า บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส หรือTKC ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของSABUY, นางสาวศศิเนตร พหลโยธิน, นายศิณะ อุ่นทรพันธ์, นางสาวศิณานางค์ อุ่นทรพันธ์, นางเนตรนภิส อุ่นทรพันธ์ และนายชูเกียรติ รุจนพรพจี รวมเป็นจำนวน 357.13 ล้านหุ้น คิดเป็น 24.95% ส่งผลให้ปัจจุบัน TKC เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท
3.JMART บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -9.09% ,ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66 ปิด 21.00 บาท (เหลืออัพไซด์ 18.48% จากราคาเป้าหมาย 24.88 บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ52 สัปดาห์คือ 48.25 / 13.10 บาท , ค่า P/E 174.50 เท่า,มาร์เก็ตแคป 30,610.13 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -48.47%,ผลตอบแทนปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 5.27%
ผู้บริหารมองโอกาสของการพลิกฟื้นผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง และการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 67 ไว้ค่อนข้างสดใส จากความพยายามในการปรับกลยุทธ์ของกิจการภายในกลุ่มให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา โดยยังคงย้ำว่า ไตรมาส 2/66 คือ จุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว
4.AAV บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -8.80% ,ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66 ปิด 2.28 บาท (เหลืออัพไซด์ 56.14% จากราคาเป้าหมาย 3.56 บาท), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 3.30 / 2.26 บาท , ค่าP/E N/A เท่า,มาร์เก็ตแคป 27,734.57 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี66อยู่ที่ -25.49%,ผลตอบแทนปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ N/A
โบรคฯคาดพลิกกลับมากำไรตั้งแต่ Q3/66 ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และ Q4/66 กำไรจะพีคสุด จากผลบวกฤดูกาลท่องเที่ยวไทย และฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวชาวจีน คาดจะมีผลตั้งแต่ต.ค. ปีนี้คาดจะช่วยหนุนให้ปีนี้พลิกมามีกำไร 1 พันล้านบาท
5.SNNP บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -8.10% ,ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66 ปิด 19.30 บาท (เหลืออัพไซด์ 35.80% จากราคาเป้าหมาย 26.21 บาท), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 27.25 / 17.60 บาท , ค่าP/E 30.62 เท่า,มาร์เก็ตแคป 18,528.00 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -3.98 %,ผลตอบแทนปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 2.12%
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดกำไร 3Q/66 ทำ New high ต่อเป็นไตรมาสที่ 5 ที่ 160 ล้านบาท (+2.4% QoQ, +12.9% YoY) แต่ยังถือว่าเป็นระดับสูงสุดใหม่และคาดกำไรสุทธิทำ New High ได้ต่อถึง Q4/65 จากผลของฤดูกาล และ GPM ที่ขยายตัวต่อจึงยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ SNNP
6.SJWD บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -7.64% ,ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66 ปิด 13.30 บาท (เหลืออัพไซด์ 48.72% จากราคาเป้าหมาย 19.78บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 22.60 / 13.10 บาท , ค่า P/E 41.17 เท่า,มาร์เก็ตแคป 24,086.57 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -36.06%, ผลตอบแทนปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 3.30%
โบรคฯระบุแม้ว่า ไตรมาส 2/2566 จะทำให้ทิศทางกำไรในปี 2566 ไม่เป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับระดับตลาดที่คาดไว้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของการรวมกิจการระหว่าง JWD และ SCGL แต่แนวโน้มการฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งหลังของปี 2566 และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนใหม่ในไตรมาส 4/2566 จะช่วยฟื้นความสนใจในการลงทุนของบริษัท โดยทิศทางของกำไรที่คาดจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2566
7.CPF บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -6.86% , ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66 ปิด 19.00 บาท (เหลืออัพไซด์ 17.05% จากราคาเป้าหมาย 22.24 บาท), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52สัปดาห์คือ 25.50 / 18.30 บาท , ค่าP/E 46.04 เท่า,มาร์เก็ตแคป 163,613.61 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -23.39%,ผลตอบแทนปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 4.02%
โบรคฯ คาดแนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/66 ปัจจัยบวกที่เห็นคือต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ที่อ่อนตัวลงจะเริ่มเห็นผลดีบ้างแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลกลับเป็นราคาสุกรที่ช่วงต้นเดือน ต.ค.มีการอ่อนตัวลงจนหลุดระดับ 60 บาท/กก. แล้วทำให้เราต้องรอดูว่าในช่วงปลายปีที่จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเข้าสู่ช่วง High Seasons ของการท่องเที่ยวจะช่วยเพิ่มความต้องการบริโภคได้มากน้อยเพียงใด
8.NEX บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -6.31% ,ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66 ปิด 10.40 บาท (เหลืออัพไซด์ 50.67% จากราคาเป้าหมาย 15.67 บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 20.00 / 8.70 บาท , ค่าP/E 25.18เท่า,มาร์เก็ตแคป 21,027.00 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66อยู่ที่ -43.17%,ผลตอบแทนปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ N/A
ผู้บริหารระบุครึ่งปีหลัง NEX จะเดินหน้าแผนผลิตรถพลังงานไฟฟ้า ทั้งรถกระบะไฟฟ้า รถตู้ไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถขยะไฟฟ้า และอื่นๆ เพราะเชื่อว่าแนวโน้มของตลาดรถ EV ปีนี้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ทั้งในส่วนของ EV Mimi Bus และ EV Truck
9.CHG บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -5.45% ,ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66ปิด 3.12 บาท (เหลืออัพไซด์ 12.50% จากราคาเป้าหมาย 3.51 บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 4.04 / 2.68 บาท , ค่าP/E 34.66 เท่า,มาร์เก็ตแคป 34,320.00 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -15.22%, ผลตอบแทนปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 5.13%
บล.กรุงศรี คาดมีกำไรสุทธิ Q3/23 ที่ 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%qoq จากแรงหนุน ของจำนวนผู้ป่วยในประเทศที่สูงขึ้นตามการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ อาทิ ไข้เลือดออก, ไข้หวัดใหญ่ และมือเท้าปากในเด็ก
10.BAM บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) รอบ 1 สัปดาห์ ราคาปรับลดลง -5.39% ,ขณะราคา ณ 13 ต.ค.66ปิด 9.65 บาท (เหลืออัพไซด์ 38.03% จากราคาเป้าหมาย 13.32 บาท), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 16.60 / 9.45 บาท , ค่าP/E 13.72เท่า,มาร์เก็ตแคป 31,189.21 ล้านบาท, ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -38.92%, ผลตอบแทนปันผลตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 5.70%
BAM ประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ บริษัทตั้งเป้าหมายในการเสนอขายหุ้นกู้ไว้เพียง 4,000 ล้านบาท โดยมียอดจองทะลุเป้าหมายกว่า 1.5 เท่า ทำให้บริษัทต้องเพิ่มมูลค่าการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้เป็น 4,800 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามประเด็นไฟสงครามตะวันออกกลางว่าจะยืดเยื้อมากน้อยแค่ไหน และตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลระทบเพิ่มขึ้นหรือไม่?