เมต้า แพลตฟอร์มผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ อาจต้องเผชิญกับค่าปรับจำนวนมาก หากไม่สามารถลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมายเนื่องจากพระราชบัญญัติบริการดิจิทัลฉบับใหม่ของสหภาพยุโรป
เทียรี่ เบรอตง กรรมาธิการยุโรปออกโรงเตือนมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมต้า เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ขาดความเป็นกลาง โดยไม่ลบเนื้อหาที่สนับสนุนกลุ่มฮามาสในแพลตฟอร์มของ meta อาจทำให้บริษัทต้องถูกฟ้องร้องละเมิดกฎระเบียบการกลั่นกรองใหม่ของสหภาพยุโรป
ในจดหมายถึงมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เมื่อวันพุธเบรอตง เรียกร้องให้ เมต้า "ระมัดระวังอย่างมาก" ในการนำเสนอเนื้อหาที่มีความอ่อนไหว โดยมีการขอให้ลบเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่ผิดกฎหมายและคำพูดแสดงความเกลียดชังท่ามกลางสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในอิสราเอล
โดย เบรอตง กล่าวว่าคณะกรรมาธิการยุโรปได้เห็น "เนื้อหาที่ผิดกฎหมายและข้อมูลบิดเบือนที่กำลังแพร่กระจายในสหภาพยุโรป" อาจทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียละเมิดพระราชบัญญัติบริการดิจิทัลหรือ DSA
ขณะที่ พระราชบัญญัติบริการดิจิทัลหรือ DSA มีผลบังคับใช้ใน EU เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเช่น Google, Meta และ Amazon ต้องรับผิดต่อการโพสต์เนื้อหาที่ผิดกฎหมายในสหภาพยุโรป บนแพลตฟอร์มของตน หากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เหล่านี้ล้มเหลวในการลบเนื้อหานี้ พวกเขาอาจถูกปรับมากกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ต่อปี
“ฉันขอเชิญคุณตรวจสอบและลบเนื้อหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้แน่ใจว่าระบบของคุณมีประสิทธิภาพด้านความน่าเชื่อถือที่มากพอ”
“โดยจิตสำนึกแล้ว เราไม่จำเป็นต้องพูดให้เขาทำตามที่เราบอกเลย เขาต้องคิดได้ว่าสิ่งที่เผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มของตนนั้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสาธารณะอย่างไรบ้าง เราคาดหวังให้ทางเมต้าติดต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องและ Europol และให้แน่ใจว่าผู้บริหารสูงสุดของเมต้า จะตอบสนองต่อคำร้องขอใด ๆ ในทันที” เบรอตง กล่าว
ทั้งนี้เบรอตงขอให้ซักเกอร์เบิร์ก ตอบสนองต่อข้อกังวลของสหภาพยุโรปภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า เนื่องจากเกรงว่าอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงต่อการบังคับใช้กฏหมายและการเปรียบเทียบปรับของสหภาพยุโรปในการนำเสนอเนื้อหาที่ขัดกับข้อกฏหมายนั้นได้
ขณะที่ ในแถลงการณ์ต่อ The Verge เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แอนดี้ สโตน โฆษกของเมต้า กล่าวว่าบริษัทได้สร้าง "ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษพร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงล่ามที่สามารถสื่อสารภาษาฮีบรูและภาษาอาหรับได้อย่างคล่องแคล่ว" หลังจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ “ทีมงานของเรากำลังทำงานตลอดเวลาเพื่อรักษาแพลตฟอร์มของเราให้ปลอดภัย โดยได้มีการดำเนินการกับเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายของเราหรือกฎหมายท้องถิ่น และประสานงานกับผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงบุคคลที่สามในภูมิภาค เพื่อจำกัดการแพร่กระจายของข้อมูลที่ผิด เราจะทำงานนี้ต่อไปเมื่อความขัดแย้งนี้คลี่คลาย” สโตนกล่าว
เมื่อวันอังคารเบรอตง ก็ได้มีการแจ้งไปยังอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร X ซึ่งเดิมชื่อ Twitter ซึ่งพบว่าแพล็ตฟอร์มดังกล่าว ถูกใช้เพื่อแชร์เนื้อหาที่ผิดกฎหมายในทำนองเดียวกัน เบรอตง ตั้งข้อสังเกตว่าเนื้อหาบางส่วนถูกตั้งค่าสถานะให้กับบริษัทโดย “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” แต่ยังคงอยู่บนเว็บไซต์
ในการตอบสนองต่อ เบรอตง ผ่านแพล็ตฟอร์ม X ในวันพุธ อีลอน มัสก์ ขอให้เบรอตงตั้งค่าสถานะเนื้อหาที่ละเมิดต่อสาธารณะบน X โดยเขียนว่าบริษัทดำเนินการ "ในที่เปิดเผย" ขณะที่ทางเบรอตง ตอบว่า "คุณตระหนักดีถึงรายงานของผู้ใช้ และคุณเองก็มีเจ้าหน้าที่ของคุณในการทำงานเพื่อตรวจสอบเนื้อหาปลอมและการตระหนักถึงเนื้อหาที่มีการยกย่องความรุนแรง"
ขณะที่ทางอีลอน มัสก์ ตีมึนต่อการแจ้งของทาง EU โดยเขาได้โพสต์ตอบผ่านทาง X ในภายหลังว่า “ฉันยังไม่รู้เลยว่าที่ว่าพวกเขากำลังพูดถึงนั้นมันคืออะไร!” ขณะที่แนวทางการนำเสนอข้อมูลผ่านแพล็ตฟอร์ม X ภายใต้การบริหารงานของ อีลอน มัสก์ นั้นเน้นการนำเสนอข้อมูลบนพื้นที่โซเชียลมีเดีย อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่มีการคัดกรองเนื้อหา หรือความรุนแรงต่างๆ หรือแม้กระทั้งเนื้อหาทางเพศของผู้ใหญ่อย่างเปิดเผย โดยจะเน้นนโยบายหลักคือการกำจัดบอทแอคเคาท์ (บัญชีทวิตเตอร์ปลอมที่สร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง) และการใช้เป็นเครื่องมือกระบอกเสียงของแบรนด์สินค้า ศิลปิน คนดัง นักการเมือง และพรรคการเมือง โดยคิดค่าบริการรายเดือนในการใช้งานบัญชี
ขณะที่ทางฟากฝั่งของทาง มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ได้โพสต์ผ่านทาง Facebook และบนอินสตาแกรมสตอรี่ของเขาเมื่อวันอังคาร ที่ผ่านมา โดยได้มีการเรียกการโจมตีจากกลุ่มฮามาสว่า “ การโจมตีของกลุ่มฮามาสเป็นความชั่วร้ายโดยแท้ ไม่มีคำแก้ตัวสำหรับการก่อการร้ายใด ๆ ที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ ความทุกข์ยากที่แผ่กระจายอย่างกว้างขวาง ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าสลดหดหู่ ผมยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงานของเราและครอบครัวของพวกเขาในประเทศอิสราเอลและภูมิภาค"