ตำรวจอิสราเอลอายัดบัญชี Crypto ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มฮามาส ขณะที่นักเทรดส่วนใหญ่กังวล เนื่องจากมีธุรกรรมตกค้างกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐที่อยู่ระหว่างการชำระบัญชี
เอเยนซี่ - ตำรวจอิสราเอลร่วมมือกับ Binance อายัดบัญชีคริปโตเคอเรนซีที่เกี่ยวข้องกับ Hamas กลุ่มติดอาวุธของปาเลสไตน์ หลังจากที่ Hamas ก่อเหตุโจมตีอิสราเอลหลายครั้ง
การปฏิบัติการครั้งนี้เกี่ยวข้องกับหน่วย Lahav 433 ของตำรวจอิสราเอล กระทรวงกลาโหม หน่วยข่าวกรองโดยมีการขอความร่วมมือกับไบแนนซ์ กระดานแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีที่มีเครือข่ายมากที่สุดในโลก โดยเงินทุนที่ยึดได้จากบัญชีเหล่านี้จะถูกส่งไปยังกระทรวงการคลังของอิสราเอล
อย่างไรก็ดีความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และอนุพันธ์แห่งสหรัฐฯ หรือ CFTC ได้ยื่นฟ้องร้องกล่าวโทษ จ้าวฉางเผิง หรือ "CZ" ซีอีโอของ ไบแนนซ์โดยกล่าวหาว่าบริษัทมีข้อมูลเกี่ยวกับ "ธุรกรรมของ Hamas"
การกระทำนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการตัดท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มฮามาสของทางการอิสราเอล ซึ่งก่อนหน้านี้เคยยึดบัญชีคริปโตของไบแนนซ์ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มฮามาสประมาณ 190 บัญชี โดยมีการสืบค้นย้อนหลังว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายตั้งแต่ปี 2021
ในขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงมากขึ้น นักลงทุนคริปโตเคอเรนซีต่างมีความกังวล จากความเสี่ยงที่เกิดขึ้น และมีธุรกรรมตกค้างกว่า 100 ล้านดอลลาร์ จากการชำระบัญชีในช่วงตลาดปรับตัวลดลงในวันจันทร์
ตามข้อมูลของ CoinGlass มีการชำระบัญชีในช่วงเวลาวิกฤตของการประกาศสงครามและการสู้รบมากกว่า 105 ล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว ซึ่งเป็นการชำระบัญชีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน
ภาวะตลาดซบเซาเกิดจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ทวีความรุนแรงขึ้น สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนและส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยง
ขณะที่ราคา Bitcoin (BTC) ลดลงมากกว่า 2% โดยลดลงไปที่ 27,600 ดอลลาร์ชั่วคราว ด้าน Ether (ETH) ลดลงเกือบ 5% ในขณะที่คริปโตเคอเรนซีหลักอื่นๆยอดนิยม เช่น solana (SOL), โทเค็นดั้งเดิมของ Polygon (MATIC) และ Polkadot (DOT) ลดลงในช่วง 6% ถึง 7% จากนั้นจึงฟื้นตัวบางส่วน
ทั้งนี้การชำระบัญชีเกิดขึ้นเมื่อการแลกเปลี่ยนปิดบังคับตำแหน่งการซื้อขายแบบใช้เลเวอเรจเนื่องจากผู้ซื้อขายไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านมาร์จิ้นหรือรักษาตำแหน่งไว้ได้