xs
xsm
sm
md
lg

พื้นฐานของ Ethereum กำลังถูกท้าทายครั้งสำคัญ / ณพวีร์ พุกกะมาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หากเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่าง Bitcoin และ Ethereum สองเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสองอันดับแรก จนถึงตอนนี้ Bitcoin สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 65% ขณะที่ Ethereum ทำได้แค่ 31% เท่านั้น ถือว่าห่างกันค่อนข้างมากจากในอดีตที่สองเหรียญนี้จะสร้างผลตอบแทนไม่ห่างกันมากนัก

แต่ถ้าวิเคราะห์ในเชิงพื้นฐาน ต้องบอกว่า Ethereum กำลังเผชิญความท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะการมา Blockchain รุ่นใหม่ๆที่พยายามจะเข้ามาแทนที่การใช้งานเชน Ethereum ที่แท้ว่าจะมีการอัปเกรดครั้งใหญ่ไปแล้วสองครั้ง แต่ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรในการที่จะปิดจุดอ่อนของตัวเองนั่นคือค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมต่างๆที่สูงและยังทำงานได้ช้า

โดยเฉพาะการมาของ Blockchain Layer2 อย่าง Optimism Arbitium และอื่นๆที่ชูจุดเด่นในด้านของความเร็วในการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ทำให้มาร์เกตแชร์ของ Ethereum ในตลาดบล็อกเชนลดลง แม้ว่าจะยังครองอันดับหนึ่งแต่ก็เสียสัดส่วนตลาดไปพอสมควร

การที่ธุรกรรมในบล็อกเชนลดลงยังทำให้ Ethereum มีอัตราการเผาเหรียญทิ้งที่ลดลงซึ่งอาจส่งผลต่อพื้นฐานที่แย่ลง เนื่องจากกลไกการเผาเหรียญทิ้งหลังการใช้งานเป็นวิธีที่จะลดซัพพลายของเหรียญ ETH ลงจากเดิมที่สามารถสร้างซัพพลายใหม่ได้เรื่อยๆเพื่อให้ ETH เข้าสู่เหรียญที่เป็นภาวะเงินฝืดเหมือนกับ Bitcoin ซึ่งเป็นกลไกสำคัญทำให้มูลค่าเหรียญปรับตัวเพิ่มขึ้น

ข้อมูลจากเวบไซต์ Ultrasound.Money แสดงให้เห็นถึงซัพพลายของ ETH เพิ่มขึ้น 30,064 ETH ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา จากการที่การทำธุรกรรมในเชน Ethereum ลดลงทำให้อัตราการเผาเหรียญลดลง ประเด็นสำคัญคือเป็นภาวะที่ซัพพลายปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่การอัปเกรดครั้งใหญ่ The Merge ในปี 2022 นับตั้งแต่เกิดกลไกดังกล่าวซัพพลายของ Ethereum มีแนวโน้มที่ลดลงต่อเนื่องจนเพิ่งจะเปลี่ยนแปลงไปในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีรายงานฉบับใหม่โดยนักวิเคราะห์ของ JPMorgan เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากการรวมศูนย์ที่เพิ่มขึ้นของ Ethereum โดยระบุว่าผู้ให้บริการ liquid staking หรือแพลตฟอร์มที่เปิดให้นำเหรียญ ETH มาทำการวาง Stake ได้ 5 ควบคุมการ Staking มากกว่า 50% บนเครือข่าย Ethereum ซึ่งการกระจุกตัวแบบนี้อาจทำให้ Ethereum สูญเสียความเป็น Decentralized ไป

นอกเหนือจากการรวมศูนย์ที่สูงขึ้นแล้วยังเกี่ยวข้องกับการลดลงของผลตอบแทนจากการ Stake โดยรวมอีกด้วย JPMorgan ระบุว่าผลตอบแทนจากการ Stake ในเหรียญ ETH ลดลงจาก 4.3% ก่อนการอัปเกรดเวอร์ชั่น Shanghai เป็น 3.5% ในปัจจุบันซึ่งเป็นการลดแรงจูงใจในการถือ ETH เพื่อการลงทุนระยะยาว

ไม่นานมานี้ข้อมูลจาก Arkham บริษัทวิเคราะห์ด้านบล็อกเชนยังเปิดเผยว่า Address ที่เกี่ยวข้องกับ Vitalik Buterin มีการโอน ETH จำนวน 3,999 ETH ไปยัง Exchange คิดเป็นมูลค่ารวม 6.4 ล้านดอลลาร์ ทำให้ตลาดกังวลเพิ่มเติมว่าอาจนำไปสู่การเทขายของผู้ก่อตั้ง Ethereum ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจของผู้ลงทุนด้วย

แม้ว่า ก.ล.ต. สหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติให้สามารถกองทุน ETH Futures ETF และ ARK Invest กำลังเสนอให้จัดตั้ง ETH Spot ETF เพื่อดึงดูดนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาลงทุน แต่ดูแล้ว Ethereum ยังมีปัจจัยท้าทายอีกมากในการที่จะเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพเหมือน Bitcoin

บทความโดย : ณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS)

สงวนลิขสิทธ์บทความเฉพาะสื่อในเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ MGR online , iBit และ ที่ได้รับอนุญาติจากผู้เขียนซึ่งเป็นเจ้าของบทความเท่านั้น




กำลังโหลดความคิดเห็น