xs
xsm
sm
md
lg

“เศรษฐา” ปักธงยกเครื่องตลาดหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การเรียกนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้าพบและมอบนโยบาย เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความสนใจปัญหาในตลาดหุ้นมากเป็นพิเศษ

ใบสั่งที่นายเศรษฐากำชับให้นายภากรรับไปแก้ไขคือ การดำเนินคดีการสร้างราคาหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE และการแต่งบัญชีตบตาประชาชนนักลงทุน สร้างความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท กรณีหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK

และการโรดโชว์หรือการนำเสนอข้อมูลการลงทุนของตลาดหุ้นไทย เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ

รัฐบาลที่ผ่านมา ให้ความสนใจการทำงานของตลาดหลักทรัพย์น้อยมาก โดยไม่มีผู้นำประเทศคนใด เรียกกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เข้าพบ เพื่อมอบหมายนโยบายอะไรเป็นพิเศษ และอาจมีนายกรัฐมนตรีบางคนเดินทางมาเยี่ยมชมตลาดหลักทรัพย์บ้าง เพื่อสร้างภาพทางการเมืองเท่านั้น

นายเศรษฐาจึงเป็นผู้นำคนแรกที่ลงมาคลุกวงในปัญหาของตลาดหุ้น และการเรียกนายภากรเข้าพบ โดยกำชับการป้องกันไม่ให้ปัญหาหุ้น MORE และหุ้น STARK เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก เป็นการตอกย้ำ ถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลชุดนี้ ในการผ่าตัดใหญ่โครงสร้างตลาดหลักทรัพย์และโครงสร้างคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีข่าวความเคลื่อนไหวก่อนหน้า

ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีสภาพเหมือนองค์กรอิสระ นอกเหนือการควบคุม ไม่ถูกกำกับหรือถูกตรวจสอบมาเป็นเวลายาวนาน แม้จะอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็ตาม

แต่การทำงานของ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ไม่แตกต่างกัน เพราะทำงานโดยไม่ต้องกังวลแรงกดดันใดๆ มากนัก จึงทำงานกันสบายๆ โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ ซี่งมีลักษณะเป็นแดนสนธยา เพราะข้อมูลภายในองค์กรในหลายด้าน ไม่เป็นที่เปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้

ผู้บริหารระดับสูงสุด มักหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยในแต่ละปีให้สัมภาษณ์สื่อน้อยมาก แต่คลุกคลีตีโมงกับสื่อดังเพียงบางคนเท่านั้น

ขณะที่ผู้บริหารระดับรองๆ ลงมา หมกมุ่นกับการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยผู้บริหารตลาด MAI มุ่งการรับหุ้นใหม่ในเชิงปริมาณ โดยไม่ทบทวนว่า

หุ้นใหม่ที่รับเข้ามา สร้างความเสียหายให้ประชาชนในตลาดหุ้นขนาดไหน เข้ามาแล้วกลายเป็นหุ้นเน่า หรือหุ้นตายซากกันเท่าไหร่ และผลประกอบการย่ำแย่ขนาดไหน


การจัดการหุ้นในตลาด MAI ยังไม่ดีพอ แต่กลับดิ้นรนเปิดตลาดใหม่ LIVEX และ DRX ซึ่งได้รับความสนใจน้อยมาก

ส่วนผู้บริหารตลาด TFEX ขยันสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งที่ตลาด TFEX มีนักลงทุนจำนวนไม่กี่แสนคน และนักลงทุนที่ ACTIVE หรือซื้อขายสม่ำเสมอมีเพียงหลักหมื่นคน

สินค้าที่ได้รับความสนใจมีเพียง SET50 FUTURE ส่วนซิงเกิล สต๊อก ผลิตภัณฑ์ OIL FETURE SIVER FUTURE CERRENCY FUTURE หรืออัตราดอกเบี้ย ฟิวเจอร์ส แทบไม่ได้รับความสนใจ มีมูลค่าการซื้อขายน้อยมากหรือแทบไม่มีการซื้อขายเลย

แนวคิดของฝ่ายบริหารตลาดหลักทรัพย์ เน้นไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ และการรับหุ้นใหม่ในเชิงปริมาณ โดยไม่มีใครตระหนักถึงความเสียหายของนักลงทุน จากแก๊งอาชญากรรมในตลาดหุ้น

ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่นายภากรนั่งเก้าอี้กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ พฤติกรรมการปล้นสะดมในตลาดหุ้นเกิดขึ้นตลอดเวลา คดีความผิดร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน

ประชาชนนับแสนๆ ราย ย่อยยับจากการถูกโกงโดยผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนับสิบๆ กรณี รวมทั้งหุ้นใหม่ที่แต่งตัว ตบตาคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เข้ามาปล้นเงินในตลาดหุ้นด้วย

แต่ฝ่ายบริหารตลาดหลักทรัพย์ ไม่เคยทบทวนบทบาทหน้าที่ตัวเอง ไม่ตื่นตัวในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาตรการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนให้มีความเข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันความสูญเสียของประชาชนผู้ลงทุน

ความหละหลวม ล้มเหลวในมาตรการปกป้องนักลงทุน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อเกิดปฏิบัติการปล้นโบรกเกอร์ และปั่นราคาหุ้น MORE เมื่อปลายปี 2565

และตอกย้ำด้วยการแต่งบัญชี ปล้นเงินนักลงทุนรวมหลายหมื่นล้านบาท กรณีหุ้น STRAK เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จนตลาดหลักทรัพย์ถูกรุมประณามจากทั่วสารทิศ

ถ้าผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ ตระหนักในบทบาทหน้าที่ และภาระกิจการปกป้องคุ้มครองผู้ลงทุน ไม่หลงระเริงกับการสร้างผลิตภัณฑ์ไหม่ ซึ่งหลายผลิตภัณฑ์ไม่เข้าท่า หรือเน้นรับหุ้นใหม่ในเชิงปริมาณ จนหุ้นเน่าๆจำนวนไม่น้อยหลุดเข้ามาปล้นเงินในตลาดหุ้นๆ

แต่ทุ่มเทสรรพกำลังและความคิด เพื่อพัฒนาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้มีคุณภาพขึ้น กับดูและบริษัทจดทะเบียนที่มีอยู่ประมาณ 900 บริษัท ให้เป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาล การดำเนินงานมีความโปร่งใส และมีผลประกอบการมั่นคง

รวมทั้งปรับมาตรการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนให้มีความเข้มข้นขึ้น โดยตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องประชาชนผู้ลงทุน

บางทีโศกนาฏกรรมหุ้น MORE และความล่มสลายจากหุ้น STARK อาจไม่เกิดขึ้น

ตลาดหลักทรัพย์รับรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเองแล้ว และกำลังปรับตัวครั้งใหญ่ ตื่นตัวในการปรับมาตรการกำกับดูแลให้มีความเข้มข้นขึ้น หลักเกณฑ์การรับหุ้นใหม่ได้เน้นในคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนมากขึ้น รวมทั้งตระหนักในการป้องกันนักลงทุนไม่ให้เกิดความเสียหาย โดยส่งสัญญาณเตือนนักลงทุนทันที เมื่อบริษัทจดทะเบียนมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย

แต่การปรับองคาพยพของตลาดหลักทรัพย์ จะทันกับการผ่าตัดใหญ่โครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ที่นายเศรษฐาปักธงไว้แล้วหรือไม่

ความผิดพลาด หละหลวม ล้มเหลวในการแก้ปัญหาหุ้น MORE และ STRAK เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอ จนมีความชอบธรรมในการ “ยกเครื่อง” ผู้บริหารตลาดหุ้น








กำลังโหลดความคิดเห็น