xs
xsm
sm
md
lg

บล.เอเซีย พลัสมอง Q4 หุ้นไทยลุ้นขาขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 


บล.เอเซีย พลัส มองไตรมาส 4 ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสลุ้นกลับทิศเป็นขาขึ้น เชื่อปัจจัยเฉพาะตัวหนุนให้มีโอกาสฟื้นตัวเด่นทั้งสถานการณ์เงินเฟ้อที่ทยอยดีขึ้นตามลำดับ วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ย FED ใกล้จบ เศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว หลังตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่ออกมาสูงกว่าคาด ส่วนไทยทั้งทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อ จากภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

 นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) ในกลุ่มบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASPS กล่าวว่า ASPS ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4 ปี 66 มีโอกาสลุ้นกลับทิศเป็นขาขึ้น แม้มีความเสี่ยงการเกิด Recession ในสหรัฐฯ แต่ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่ทยอยดีขึ้นตามลำดับ ทำให้วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ใกล้จบ โดยตลาดคาดว่า FED น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.5% จนถึงสิ้นปี ขณะที่เศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว หลังตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่ออกมาสูงกว่าคาด เช่น PMI ภาคการผลิต ยอดนำเข้าส่งออก CPI PPI ในส่วนของประเทศไทยทั้งทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อนับตั้งแต่ครึ่งหลังปี 66 จากภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season และแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายของภาครัฐ ซึ่ง ธปท.ประเมิน GDP Growthไทยปี 66 และปี 67 เติบโต 2.8% และ 4.4% ตามลำดับ โดยฝ่ายวิจัยประเมินกรอบเป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1,400/1,550 จุด

โดยช่วงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยมีความน่าลงทุนมากขึ้น หลังปัจจัยต่างประเทศเริ่มผ่อนคลายลง ทั้งทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจากแรงในช่วง 3 ปี 66 (ตลาดตอบรับไประดับหนึ่งแล้ว) และมีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกจะไม่ใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุกเฉกเช่นเดียวกับช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ประเด็นในประเทศเห็นพัฒนาการเชิงบวกมากเรื่อยๆ หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีทั้งการลดราคาพลังงาน ฟรีค่าธรรมเนียม VISA สำหรับนักท่องเที่ยว และความคาดหวังการแจกเงิน Digital 10,000 บาทในระยะถัดไป ในมุม Fund Flow หลังจากที่ต่างชาติขายสุทธิตราสารหนี้ไทย -1.6 แสนล้านบาท และหุ้นไทยอีก -1.4 แสนล้านบาท ในปีนี้จนเหลือสัดส่วนการถือครองทางตรงหุ้นไทยต่ำเพียง 23.9% หวังว่าจะเห็นการสลับเข้ามาซื้อสะสมสุทธิหุ้นไทยมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยสถิติไตรมาสที่ 4 มักจะเป็นฤดูกาลที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสะสมหุ้นไทยอยู่แล้ว สะท้อนได้จากใน 3 ปีที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในไตรมาสนี้ทุกปีโดยซื้อสุทธิเฉลี่ย 3.1 หมื่นล้านบาท

ดังนั้น ภายใต้ SET INDEX ที่ย่อตัวลงมามากกว่า 10% ในปีนี้จนมี PBV เหลือเพียง 1.46 เท่า ต่ำกว่าระดับ -1SD ที่ 1.52 เท่าแล้ว ซึ่งถือว่าอยู่ในโซนที่ Downside จำกัด และยังมี Upside จากการประเมินเป้าหมาย SET INDEX ปี 2566 โดยอิง MEYG ที่ระดับ 3.3% ดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% และ EPS66F ที่ 88.6 บาท/หุ้น จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ที่ 1,24 จุด และ EPS67F ที่ 99.8 บาท/หุ้น จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2567 ที่ 1,717 จุด

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยสะสมหุ้นเมื่อ SET Index มี Valuation เริ่มน่าสนใจเฉกเช่นภาวะปัจจุบัน โดยเลือกหุ้นพื้นฐานเด่น ราคาน่าสะสม และมีปัจจัยเฉพาะตัวหนุนให้มีโอกาสฟื้นตัวเด่นกว่าตลาด อย่าง AOT, SCGP, PTTEP, TOP, BCPG, TU, III


กำลังโหลดความคิดเห็น