ตลาดหุ้นไทยผ่านมาแล้ว 9 เดือน ดัชนี SET ล่าสุด 29 ก.ย.66 ปิดที่ระดับ 1,471.43 จุด ขณะที่ ดัชนี SET ปิดตลาดวันทำการสุดท้ายของปี 2565 ที่ระดับ 1,668.66 จุด เท่ากับลดลงไปแล้ว 197.23 จุด หรือ -11.82 จุด และถ้าโฟกัสไปที่ SET50 จะพบว่า 10 อันดับที่ปรับราคาลดลงมากที่สุด เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานมากถึง 6 หลักทรัพย์
1.EA บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -47.42%, ผลตอบแทนราคา 1 สัปดาห์ -9.33%, ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -8.93%%,ราคา ณ 29 ก.ย.66 ปิด 51.00บาท (เหลืออัพไซด์ 40.47 %จากราคาเป้าหมาย71.64 บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 99.75 / 50.00 บาท , ค่าP/E 19.77เท่า,มาร์เก็ตแคป 190,230.00 ล้านบาท,เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 0.59%,ปันผลปี 65อยู่ที่ 0.31%,ปันผลปี 64อยู่ที่ 0.31%
บล.ดาโอ คาดปี 2023 รายได้โตได้ถึง 50% หนุนหลักจากธุรกิจ EV และ Power ราคาหุ้น underperform SET ที่ -4%/-3% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากภาพรวมของความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตามจากปัจจัยราคาแบตเตอรี่ที่ลดลงจะสนับสนุน demand ของการใช้รถ EV ที่มากขึ้น
2.BANPU บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -41.61%, ผลตอบแทนราคา 1 สัปดาห์ +1.91%, ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -7.51%,ราคา ณ 29 ก.ย.66ปิด 8.00บาท (เหลืออัพไซด์ 12.88% จากราคาเป้าหมาย 9.03 บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 13.80 / 7.55 บาท , ค่าP/E 3.07 เท่า,มาร์เก็ตแคป 67,633.29 ล้านบาท,เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 13.88%,ปันผลปี 65 อยู่ที่ 2.34%,ปันผลปี 64 อยู่ที่ 2.12%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินแนวโน้มผลประกอบการ BANPU แนวโน้มผลประกอบการไตรมาสที่ 3/66 คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน แต่จะเด่นในช่วงไตรมาส 4/66 จากความต้องการใช้พลังงานช่วงฤดูหนาว รวมทั้งมีปัจจัยสำคัญต้องติดตามจากแผน Spin-off และการเปิดใช้งานโครงการ CCS แห่งแรก
3.GPSC บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -38.70%,ผลตอบแทนราคา 1 สัปดาห์ -7.25%, ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -15.96%%,ราคา ณ 29 ก.ย.66 ปิด 44.7 5บาท (เหลืออัพไซด์ 59.44% จากราคาเป้าหมาย 71.35 บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 75.50 / 43.25 บาท , ค่าP/E 95.49เท่า,มาร์เก็ตแคป 126,182.8 9 ล้านบาท,เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 1.12%,ปันผลปี 65 อยู่ที่ 2.05%,ปันผลปี 64 อยู่ที่ 1.69%
โบรคคาดกำไรต่อหุ้น (EPS) ในช่วงครึ่งหลังของปี 66 จะโต 107% เมื่อเทียบกับครึ่งปีก่อน โดยคาดว่าอัตรากำไรของ SPP จะปรับตัวดีขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนกำไรที่สำคัญในช่วงครึ่งหลังของปี 66 พร้อมส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลที่ดีของโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว และโรงไฟฟ้าพลังลมในไต้หวัน
4.AWC บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -38.10%, ผลตอบแทนราคา 1สัปดาห์ -3.47% ,ผลตอบแทนราคา 3 เดือน-19.42%,ราคา ณ 29 ก.ย.66 ปิด 3.90 บาท (เหลืออัพไซด์ 51.28%จากราคาเป้าหมาย 5.90 บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 6.55 / 3.74 บาท , ค่าP/E25.08 เท่า,มาร์เก็ตแคป 124,809.14 ล้านบาท,เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 0.82%,ปันผลปี 65 อยู่ที่ 0.17%,ปันผลปี 64 อยู่ที่ -%
ปัจจุบัน AWC มีจำนวนโรงแรมที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้นจำนวน 22 โรงแรม รวมจำนวนห้องพักรวม 5,794 ห้อง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 23 โรงแรม ภายในสิ้นปี 2566 รวม 6,034 ห้อง คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 76 เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ที่จำนวน 3,432 ห้อง
5.IVL บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -36.20%, ผลตอบแทนราคา 1 สัปดาห์ -6.31%, ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -22.96%, ราคา ณ 29 ก.ย.66 ปิด 26.00 บาท (เหลืออัพไซด์ 41.54% จากราคาเป้าหมาย 36.28 บาท), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 43.50 / 25.25 บาท , ค่าP/E N/A เท่า,มาร์เก็ตแคป 145,978.35 ล้านบาท,เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 6.15%, ปันผลปี 65 อยู่ที่ 2.45%,ปันผลปี 64 อยู่ที่ 1.62%
ความเคลื่อนไหวล่าสุด IVL ประกาศทุ่มเงิน 1,336 ล้านบาท ซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด 34.03% ของบริษัท Avgol ในตลาดหุ้นอิสราเอล
6.SCGP บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -32.89%, ผลตอบแทนราคา 1 สัปดาห์ -6.71%, ผลตอบแทนราคา 3 เดือน +4.08%,ราคา ณ 29 ก.ย.66 ปิด 38.25 บาท (เหลืออัพไซด์ 23.66% จากราคาเป้าหมาย 47.30 บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 60.50 / 34.50 บาท , ค่าP/E 32.89 เท่า,มาร์เก็ตแคป 164,204.20 ล้านบาท,เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 1.57%,ปันผลปี 65 อยู่ที่ 1.14%,ปันผลปี 64 อยู่ที่ 0.65%
โบรคฯประเมินว่าผลประกอบการของ SCGP ได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว และคาดว่าจะมีแนวโน้มค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น แม้ปกติธุรกิจแพคเกจจิ้งจะอิงกับภาพรวมเศรษฐกิจโลก ซึ่งยังต้องติดตามความชัดเจนว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ชัดเจนในช่วงใด
7.EGCO บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -29.86%, ผลตอบแทนราคา 1 สัปดาห์ -3.59% ,ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -6.92%,ราคา ณ 29 ก.ย.66 ปิด 121.00 บาท (เหลืออัพไซด์ 24.44% จากราคาเป้าหมาย 150.57 บาท), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 178.50 / 120.00 บาท , ค่าP/E22.54 เท่า,มาร์เก็ตแคป 63,702.27 ล้านบาท,เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 5.37%,ปันผลปี 65 อยู่ที่ 3.77%,ปันผลปี 64 อยู่ที่ 3.70%
ผู้บริหารมองผลประกอบการ EGCOในปี 2023 คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการรู้รายได้แบบเต็มปีของโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ใน สปป.ลาว รวมถึงการรับรู้รายได้แบบเต็มปีจากโรงไฟฟ้าไรเซ็ก ในสหรัฐอเมริกา และโครงการโรงไฟฟ้าหยุนหลิน ในไต้หวัน ที่สามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าจากใบพัดกังหันแล้วเสร็จ
8.TIDLOR บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -20.68%, ผลตอบแทนราคา 1 สัปดาห์ -3.26%, ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -7.56%,ราคา ณ 29 ก.ย.66 ปิด 20.80 บาท (เหลืออัพไซด์ 36.63% จากราคาเป้าหมาย 28.42 บาท),ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 28.44 / 19.80 บาท , ค่าP/E 16.23 เท่า,มาร์เก็ตแคป 58,437.19 ล้านบาท, เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี66 อยู่ที่ 0.20%,ปันผลปี 65 อยู่ที่ 0.18%,ปันผลปี 64 อยู่ที่ -%
ฝ่ายวิจัยโบรคฯประมาณการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 66 อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% จากปีก่อน ซึ่งในครึ่งแรกของปี 66 TIDLOR มีกำไรรวม 1,882.35 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 47% ของประมาณการณ์ทั้งปี และในครึ่งหลังของปีคาดว่าจะมีแรงส่งจากแนวโน้มสินเชื่อที่เติบโต
9.BGRIM บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -27.67%, ผลตอบแทนราคา 1 สัปดาห์ -8.73% , ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -16.67%, ราคา ณ 29 ก.ย.66 ปิด 28.75 บาท (เหลืออัพไซด์ 55.51% จากราคาเป้าหมาย 44.71 บาท), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 42.75 / 28.25 บาท , ค่า P/E 24,317.15 เท่า, มาร์เก็ตแคป 74,948.38 ล้านบาท,เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 0.23%, ปันผลปี 65 อยู่ที่ 1.06%, ปันผลปี 64 อยู่ที่ 1.11%
BGRIM ได้มีการปรับราคาลงจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายปรับลดค่าไฟฟ้า ซึ่งราคาปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และมีโอกาสฟื้นตัวจาก 1) หากรัฐบาลสามารถบริหารจัดการต้นทุนก๊าซธรรมชาติได้ตามเป้าหมาย จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มฯ ทรงตัวอยู่ในระดับสูง 2) กำไรที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และ 3) Bond Yield ที่ผ่านจุดสูงสุด
10.PTTGC บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนราคา 9 เดือน -26.98%, ผลตอบแทนราคา 1 สัปดาห์ -2.82% , ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -4.83%,ราคา ณ 29 ก.ย.66 ปิด 34.50 บาท (เหลืออัพไซด์ 21.51% จากราคาเป้าหมาย 41.92 บาท), ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 52.50 / 33.25 บาท , ค่า P/E N/A เท่า, มาร์เก็ตแคป 155,555.29 ล้านบาท,เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 2.90%,ปันผลปี 65 อยู่ที่ 7.92%,ปันผลปี 64 อยู่ที่ 1.69%
โบรคเชื่อว่า บริษัทจะกลับมารายงานกำไรได้ใน Q3/23E หลังจากรายงานผลขาดทุนก้อนใหญ่ใน Q2/23 โดยคาดว่าผลประกอบการ Q3/23E ของบริษัทจะฟื้นตัวหลักๆจากกำไรของธุรกิจโรงกลั่นที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ที่ฟื้นตัวและการรับรู้กำไรจากสต๊อก (stock gain) ที่เป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 10 หลักทรัพย์เหล่านี้ ส่วนใหญ่โบรกฯยังให้น้ำหนักที่พอจะฟื้นกลับมาได้ ซึ่งต้องติดตามว่าในช่วงอีก 3 เดือนสุดท้ายของปี 2566 จะเป็นเช่นไรบ้าง