บล.เอเซียพลัส คาด 3 หุ้นใหญ่ เสี่ยงหลุด SET50 หลัง SET Index ขาดสภาพคล่อง กดดันหุ้นใน SET 50 มี Turnover น้อยลง ระบุ DELTA เสี่ยงหลุดเกณฑ์มากสุด ตามมาด้วย INTUCH - TLI พร้อมประเมิน 5 หุ้น ใน SET100 มีโอกาสเข้าแทน JMT-KCE-THG-BCP-TCAP ติดโผ เหตุสภาพคล่องสูง - Market Cap ใกล้เคียงหุ้นใน SET50 เดิม
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย.66 ที่ผ่านมา เป็นวัน Roll-over Futures S50U23 จึงทำให้ตั้งแต่ช่วง 16.00 น.-ปิดตลาด ดัชนีตลาดหุ้นไทยทั้ง SET MAI SET50 SET100 ผันผวนมากกว่าปกติ โดย SET ปรับตัวลง 15.01 จุด และปิดที่ระดับ 1482.14 จุด
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ยังขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง 2.7 พันล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นเดือนขายสุทธิ 2.3 หมื่นล้านบาทส่วนหนึ่งมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง.วันพุธที่ผ่านมา
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ได้ทำการศึกษา มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทย กับการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย พบว่า มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกัน คือ เวลาที่ดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้น มูลค่าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยมีโอกาสลดลง จากสถิติในอดีตทุกๆ ดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้น 0.25% กดดันให้มูลค่าซื้อขายหายไปราว -4 พันล้านบาทต่อวัน หรือ Turnover หายไป -6.4% ต่อปี
ซึ่งส่งผลต่อเนื่องมาที่ผลตอบแทนของ SET Index มักไม่ดีในช่วงที่สภาพคล่องซื้อขายต่ำ สะท้อนได้จากข้อมูล Histogram Turnover ของ SET ปี 54 - ปี 65 เทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยรายวัน พบว่า เวลาที่มูลค่าซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ย (Turnover 87% ต่อปี) ถึง +1SD (Turnover 114.5% ต่อปี) ตลาดหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 18.3% แต่ถ้ามูลค่าซื้อขายอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย (ช่วง -1SD ถึง ค่าเฉลี่ย) ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะลดหลั่นลงมาเหลือ +5.6% ต่อปี แต่เวลาที่มูลค่าซื้อขายต่ำกว่า -1SD (Turnover 59.7% ต่อปี) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ -2.9%
ชี้ สภาพคล่อง SET หาย เสี่ยงหุ้นที่มี Turnover น้อยถูกคัดออก
ดังนั้นการที่สภาพคล่องของ SET Index หายไป ส่วนใหญ่มาจากที่หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวมีมูลค่าซื้อขายที่เบาบางลงไป และมี Turnover ในแต่ละเดือน นั้นน้อยลง โดยเฉพาะหุ้นใน SET 50 ดังนั้นหุ้นใน SET50 ตัวใดที่มี Turnover ในแต่ละเดือนน้อย จะมีความเสี่ยงที่จะถูกคัดออกในรอบถัดไป (ข้อมูลที่ใช้คำนวณ ธ.ค.66 – พ.ย.67) เนื่องจากหุ้นใดที่จะถูกคัดเข้าดัชนี SET50-100 ต้องผ่านเกณฑ์มีมี Turnover เกิน 2 เท่าอย่างน้อย 9 ใน 12 เดือน
ดังนั้น หากหุ้นใดมี Turnover < 2 เท่า เกิน 3 เดือน จึงมีโอกาส โดยมีรายละเอียด ดังนี้
DELTA(โอกาสหลุด SET50 70%) โดย DELTA ติด Cash Balance ไปแล้ว 3 เดือน(ติด Cash balance เดือนไหน เดือนนั้นไม่นำมาคิดในเกณฑ์การคำนวณ)จึงทำให้หากเดือนนี้DELTA มี Turnover < 2 เท่า(ปัจจุบันอยู่ที่ 1.29 เท่า) จะทำให้จำนวนเดือนที่จะถูกนำข้อมูลมาใช้เหลือเพียงแค่ 8 เดือนจาก 12 เดือน เท่านั้น
INTUCH(โอกาสหลุด SET50 50%) โดย INTUCH มีจำนวนเดือนที่มี Turnover < 2 เท่า ถึง 2 เดือน จึงทำให้หากเดือนนี้INTUCH มี Turnover < 2 เท่า (ปัจจุบันอยู่ที่ 1.76 เท่า) จะทำให้อีก 2 เดือนถัดไป INTUCH ห้ามมี Turnover < 2 เท่าแล้ว
TLI(โอกาสหลุด SET50 50%) โดย TLI มีจำนวนเดือนที่มี Turnover < 2 เท่า ถึง 3 เดือน จึงทำให้หากเดือนใดเดือนหนึ่งตั้งแต่ ก.ย.66-พ.ย.66 TLI มี Turnover < 2 เท่า จะทำให้จำนวนเดือนที่จะถูกนำข้อมูลมาใช้เหลือเพียงแค่ 8 เดือนจาก 12 เดือน เท่านั้นจะหลุด SET50
JMT-KCE-THG-BCP-TCAP ติดโผเข้าเสียบแทน
ขณะที่หุ้นที่มีโอกาสถูกคัดเข้า SET50 แทน คือหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง - Market Cap ใกล้เคียงหุ้นใน SET50 เดิม อาทิ JMT (Mkt Cap 67,435 ลบ.) - KCE (Mkt Cap 60,863 ลบ.) - THG (Mkt Cap 56,590 ลบ.)- BCP(Mkt Cap 54,561 ลบ.) - TCAP(Mkt Cap 51,853 ลบ.) เป็นต้น
ดังนั้นสภาพคล่องที่หายไปจากแต่ละนักลงทุน ส่งผลให้ SET Index มีความเสี่ยงที่จะสร้างผลตอบแทนได้ลดลง โดยหุ้นแต่ละตัวจะมีมูลค่าซื้อขายที่น้อยลงด้วย ดังนั้นจึงไปกระทบกับเกณฑ์การคัดหุ้นเข้า SET50-100 ที่ต้องมี Turnover รายเดือน > 2 เท่าอย่างน้อย 9 ใน 12 เดือน ซึ่งหุ้นที่มีความเสี่ยงจะหลุด SET50 ในรอบถัดไป เนื่องจากขาดเกณฑ์ดังกล่าว คือ DELTA INTUCH TLI เป็นต้น