การลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่ยังคงเพิ่มขึ้นในยุโรป โดยมีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และจากการศึกษาล่าสุดโดยบริษัทวิจัยตลาด Statista พบว่า ชาวยุโรปประมาณ 34% ลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 23% ในปี 2565
จากการเปิดเผยของ euronews ระบุว่า ประเทศโปแลนด์มีการลงทุนในคริปโตมากที่สุด โดยการศึกษาของ Statista พบว่า ชาวโปแลนด์เป็นกลุ่มที่ลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่มากที่สุดในยุโรป โดยมี 60% ของชาวโปแลนด์ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ในปี 2566 ตามมาด้วยชาวสโลวีเนีย (52%), ลัตเวีย (49%), ฟินแลนด์ (48%) และกรีซ (47%)
ปัจจัยที่กระตุ้นการลงทุนในคริปโตในยุโรป
อย่างไรก็ตามมีปัจจัยหลายประการที่กระตุ้นการลงทุนในคริปโตในยุโรป ประการหนึ่งคือการเติบโตของราคาคริปโตเคอเรนซี่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลังจากที่ราคาของ Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากประมาณ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 เป็นประมาณ 68,000 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 ซึ่งสิ่งนี้ดึงดูดนักลงทุนจำนวนมากที่ต้องการทำกำไรจากการเติบโตของราคา
ขณะที่อีกปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ทำให้การลงทุนในคริปโตเพิ่มขึ้นในยุโรปคือความนิยมที่เพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากคริปโตเคอเรนซี่กำลังกลายเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากขึ้น และกำลังถูกนำมาใช้มากขึ้นในระบบนิเวศทางการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi)
กฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโตในยุโรปเข้มงวดมากขึ้น
ด้านสหภาพยุโรปกำลังดำเนินการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่ โดยกฎระเบียบนี้คาดว่าจะกำหนดแนวทางสำหรับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลและป้องกันนักลงทุนจากความเสี่ยง ขณะที่ กฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่ของสหภาพยุโรป คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2567 ซึ่งกฎระเบียบนี้คาดว่าจะรวมถึงข้อกำหนดต่อไปนี้:
การลงทะเบียนสำหรับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล
การตรวจสอบลูกค้า
การเปิดเผยข้อมูล
การควบคุมความเสี่ยง
การเปิดเผยความเสี่ยงของการลงทุนในคริปโต
นอกจากนี้การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูง และราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว การลงทุนในคริปโตอาจทำให้สูญเสียเงินได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน