ในการประชุมแจ็กสัน โฮลครั้งนี้ เจย์ พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวสุนทรพจน์ชี้นำให้แนวทางของนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมเฟดครั้งถัดไปว่ามีโอกาสตึงตัวขึ้น
เรามองว่าการประชุมครั้งนี้ พาวเวลคล้อยตามแนวทางที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรจะเน้นขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่ลดลงเข้าสู่ 2% และประเมินการลดเงินเฟ้อในช่วงถัดจากนี้ว่าค่อนข้างยากขึ้น เนื่องจากเงินเฟ้อจากภาคบริการ ยกเว้นภาคที่อยู่อาศัย ไม่ค่อยลดลงมากนักเมื่อเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หากประเมินความยากง่ายในการลดเงินเฟ้อในหมวดหลักๆ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อแบบ Core PCE ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เฟดกังวลมากที่สุดนั้น จะแบ่งเป็น 3 ส่วน โดย ส่วนแรกคืออัตราเงินเฟ้อจากราคาสินค้า (Goods) ในส่วนที่มิใช่ Housing แบบเฉลี่ย 12 เดือน ที่แม้ว่าจะลดลงมาแล้วในช่วงนี้ แต่ถือว่ายังคงสูงกว่าระดับเงินเฟ้อในช่วงต้นปี 2021 ส่วนที่สองคือ อัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาภาคบริการ ซึ่งยังไม่ได้ลดลง และสูงถึงเกือบ 5% และส่วนที่สามคือ ค่าจ้างในตลาดแรงงาน ที่ยังคงสูงถึงกว่า 4% โดยที่ Real Wage Growth ยังคงสูงจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมา เราประเมินว่าคำพูดของประธานเฟดค่อนข้างจะตั้งใจให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ลดลงมาอยู่ที่ 2% อย่างเต็มที่ แม้จะกระทำแบบระมัดระวัง
ในแง่ของรูปแบบการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงถัดไป และจังหวะการขยับอัตราดอกเบี้ยนั้น ประธานเฟดย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตแบบร้อนแรงมากหลังจากวิกฤตโควิดผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงจนต่ำกว่า 4% แล้ว ประธานเฟดให้มุมมองว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ ทางสหรัฐฯ จำเป็นชะลอลงกว่านี้ เพื่อที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงมาสู่ 2% ให้ได้ ซึ่งเชื่อว่าจำเป็นที่ต้องมีการขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดเพื่อให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง โดยจะทำแบบระมัดระวังให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
โทนคำพูดของประธานเฟดในการประชุม Jackson Hole ในปีนี้ที่เป็นบวกต่อตลาด ได้แก่ การดำเนินนโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไป (Proceed Carefully) ส่วนคำพูดที่ประธานเฟดกล่าวออกมาแล้วเป็นลบต่อตลาด มีดังนี้ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อของเฟดยังมีโอกาสสูงมากอยู่ และการลดลงของอัตราเงินเฟ้อต้องการชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นตัวช่วย โดยถือว่าเป็นสุนทรพจน์ที่เน้นโทนการลดอัตราเงินเฟ้ออยู่ค่อนข้างมาก
บทความโดย ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการลงทุน
ที่มา : บล.ลิเบอเรเตอร์