xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ชูท่องเที่ยวกระตุ้น ศก.ลงพื้นที่ฟังความเห็นธุรกิจ จ่อยกเว้นวีซ่าจีน “นำร่องภูเก็ต-พังงา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การเดินสายลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และหารือร่วมกับนักธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต เป็นการส่งสัญญาณของรัฐบาลใหม่ว่า เรื่องแรกๆ ที่ต้องทำคือการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคการท่องเที่ยว โดยยกจังหวัดภูเก็ต และพังงา เป็น 2 จังหวัดนำร่องยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเตรียมยกระดับสนามบินภูเก็ต ให้เป็นสนามบินนานาชาติชั้นเยี่ยม

เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทย และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติทั่วโลกรู้จัก ทั้งนี้ เมื่อย้อนไปช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีรายงานว่า “ภูเก็ต” มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 4.4 แสนล้านบาท โดยมีรายได้เป็นรองเพียงแค่กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตลดลงอย่างหนัก แต่เมื่อมีการเปิดประเทศในปี 2564 โดยการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ชูความปลอดภัยของโรค และสร้างความเชื่อมั่นให้นานาชาติ ทำให้ภูเก็ตเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว

ในปี 2565 ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวกลับมา 4.83 ล้านคน สร้างรายได้ถึง 166,770 ล้านบาท จนถึงวันนี้การขยายตัวของนักท่องเที่ยวในภูเก็ตยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทำให้ธุรกิจต่างๆ มีความหวังอย่างสูงว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตจะกลับมาฟื้นตัว ได้ 100% ภายในปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะแตะที่ 14 ล้านคน และรายได้จะทะลุ 4.4 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19


จ่อ “ยกเว้นวีซ่า” นักท่องเที่ยวจีนก่อนถึง ”วันชาติจีน”

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเดินทางมาถึงสนามบินภูเก็ตว่า การเดินทางมาจังหวัดภูเก็ต เพื่อมารับฟังเรื่องเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพราะจุดแรกที่นักท่องเที่ยวมาถึงคือสนามบิน จึงอยากฟังความคิดเห็นจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ข้อมูลพื้นฐาน ปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงแผนงานอนาคตที่อยากจะทำทางทีมงานจะได้นำไปร่างนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของทางการท่าอากาศยาน ทั้งนี้เชื่อว่าแนวทางที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในระยะสั้นคือ เรื่องการท่องเที่ยว

ตอนนี้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาแล้ว เราจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันอีก 1 เดือนกว่าข้างหน้านี้ เพราะฉะนั้น เรื่องการเตรียมการ เรื่องการรับฟังข้อมูลจากทุกภาคส่วนเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราเองเพิ่งเข้ามาต้องรับฟังข้อมูลเพื่อเตรียมไปวางแผน”

ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจีนกลับมาท่องเที่ยวประมาณ 30% ถือเป็นสัดส่วนที่สำคัญมาก ขณะที่ตอนนี้ประเทศจีนอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางการจีนไม่สนับสนุนให้คนจีนออกมาท่องเที่ยวในต่างประเทศ แต่ทุกคนอยากออกมาท่องเที่ยว ดังนั้น ต้องหาวิธีให้ง่ายต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และให้เกิดความเชื่อมั่น

เรื่องความปลอดภัยและการเดินทางเข้าประเทศเป็นเรื่องลำดับต้นๆ ที่จะต้องบริหารจัดการให้ดี และจำเป็นต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ไม่ต้องมีการทำวีซ่าเข้ามาประเทศไทย ทั้งนี้ หน่วยงานที่รองรับต้องพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนามบินและเรื่องความมั่นคงต่างๆ ซึ่งวันนี้จะมารับฟังความคิดเห็นในเรื่องนี้ และต้องมีการเตรียมการแล้ว

“การเลือกลงพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าภูเก็ตเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพราะฉะนั้นจึงลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก่อน และมีการพูดคุยในเรื่องการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งจะได้มารับฟังข้อมูลต่างๆ และจะไปปรึกษากับทางสภาพัฒน์ในเรื่องแผนงานการดำเนินการ ทั้งแผนงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานภูเก็ต รวมถึงการขยายรันเวย์ และปัญหาต่างๆ ได้รับทราบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นราคาค่าตั๋วโดยสารแพง การจัดการเรื่องกระเป๋า เรื่องรถโดยสารสาธารณะ ส่วนเรื่องท่าอากาศยานภูเก็ตแห่งใหม่ที่จังหวัดพังงานั้น
ขอหารือปรึกษากับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ก่อนซึ่งจะต้องติดตามกันต่อไป เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสนามบินภูเก็ตรองรับนักท่องเที่ยวเกือบจะถึง Maximum แล้ว เป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้รองรับปริมาณการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น”


เมธาพงศ์ อุปัติศฤงค์
นายเมธาพงศ์ อุปัติศฤงค์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า สมาคมอสังหาฯ ภูเก็ต ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชุมรับฟังข้อเสนอแนะและหารือนักธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของสมาคมอสังหาฯภูเก็ตได้นำเสนอต่อที่ประชุมใน 2 ประเด็นคือ 1.การแก้ไขและปรับปรุงผังเมืองใหม่จังหวัดภูเก็ต 2.การพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เอื้อ หรือส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในธุรกิจอสังหาฯ

โดยประเด็นของการแก้ไขผังเมืองใหม่ภูเก็ตนั้น สืบเนื่องมาจากในร่างผังเมืองฉบับใหม่มีการกำหนดค่าอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน หรือตัวกำหนดพื้นที่ก่อสร้างอาคารได้ต่อขนาดที่ดิน หรือ FAR (Floor to Area Ratio) และการกำหนดอัตราส่วนของพื้นที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวมหรือ OSR (Open Space Ratio) ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าต้องเหลือพื้นที่ว่างบนพื้นดินไม่สอดคล้องกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยหรือโครงการที่อยู่อาศัยในอนาคต แม้ว่าผังเมืองฉบับใหม่จะมีการแก้ไขสีผังเมืองให้มีสีเข้มขึ้น เพื่อให้สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ง่าย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมากลับตรงกันข้ามคือพื้นที่ก่อสร้างกับลดลง หลังการปรับค่า FAR และ OSR

ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมา สมาคมอสังหาฯ ภูเก็ต จึงได้เสนอแนะให้กรมโยธาธิการมีการปรับปรุงผังเมืองใหม่ต่อโยธาธิการและผังเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาโครงการไปแล้ว ซึ่งโยธาธิการได้มีการนำไปปรับปรุงบางส่วน ดังนั้น การนำเสนอต่อที่ประชุมในครั้งนี้จึงหวังว่าจะมีการปรับปรุงผังเมืองใหม่ตามที่สมาคมได้มีการเสนอแนะไป

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอในเรื่องของการแก้ไขสัญญาเช่าของลูกค้าต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันมีการขยายตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเสนอให้มีการแก้ไขอายุสัญญาเช่า จากเดิม 30 ปีต่อ 30 ปี ให้ขยายเป็น 50-60 ปีในสัญญาเดียว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าชาวต่างชาติ ขณะเดียวกัน เป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาการใช้นอมินีในการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย


นายเมธาพงศ์ กล่าวว่า นอกจากสมาคมอสังหาฯ ภูเก็ตแล้ว ยังมีการเสนอแนะจากสมาคมการท่องเที่ยว เกี่ยวกับพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และในภาพรวมต้องการที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวในทุกมิติ ครอบคลุมไปถึงการพัฒนาเส้นทางการคมนาคม โครงข่ายเชื่อมโยง เช่น อุโมงค์กระทู้ป่าตอง ที่ยังมีความล่าช้า รวมไปถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างระบบการประปาที่มีความเหมาะสมโดยการต่อท่อน้ำมาจาก จังหวัดพังงา ขณะที่ผู้ประกอบการในภูเก็ตได้นำเสนอแนวทางเพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาภูเก็ต 11 เรื่อง ประกอบด้วย

1.สรุปสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต
และยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดภูเก็ต
2.ประเด็นการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากต่างประเทศและในประเทศ
3.การนำเสนอโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
4.ประเด็นนำเสนอเรื่องโครงการโครงข่ายคมนาคม
5.ประเด็นโครงการสาธารณูปโภคเร่งด่วน
6.ประเด็นการรักษาและบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม
7.ประเด็นการเสริมสร้างความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมาย
8.ประเด็นการจัดทำโซนนิ่งและการขยายเวลาสถานบันเทิง
9.ประเด็นนำเสนอ Phuket Educational Sandbox
10.ยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนจังหวัดภูเก็ต

นายกสมาคมอสังหาฯ ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันถือว่าตลาดอสังหาฯ.อยู่ในช่วงขาขึ้น มีอัตราการเติบโตที่ดีแต่ยังไม่เติบโตมากนักเมื่อเทียบกับตลาดในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ภายหลังจากมีการเปิดประเทศให้ต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศจำนวนนักท่องเที่ยวและลูกค้าที่เข้ามาในจังหวัดภูเก็ตมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต

ซึ่งมีการฟื้นตัวและกลับมาขยายตัวไปในทิศทางเดียวกับการท่องเที่ยวและการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยกลุ่มบ้านมีการขยายตัวดีขึ้นโดยเฉพาะในตลาดเซกเมนต์ Luxury มีการขยายตัวดีมาก ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีการขยายตัวเช่นกัน เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ได้เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัท
ออริจิ้น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

“อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงนี้ตลาดจะยังขยายตัวได้ไม่มากเท่ากับช่วงก่อนที่จะเกิดโควิด-19 แต่เชื่อว่าในช่วงปลายปีนี้ตลาดจะกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้นโดยเฉพาะหลังได้รัฐบาลใหม่ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น”

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) กล่าวว่อสังหาฯ ภูเก็ตยังคงเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่ประเทศสิงคโปร์มีการเพิ่มนโยบายการโอน top-up 60% ซึ่งเป็นการเก็บภาษีเพิ่มจากชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นการป้องกันการซื้อคอนโดฯ ในลักษณะเหมาซื้อยกล็อต หรือซื้อทั้งชั้น จากบริษัทและนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจจะทำให้ชาวจีนกลับมาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบยอดขายที่อยู่อาศัยในตลาดภูเก็ต ในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และหลังการเกิดการระบาดของโควิด-19 จะพบว่า ในครึ่งหลังของปี 2561 มียอดขายบ้านจัดสรร 380 หน่วย คอนโดมิเนียม 2,808 หน่วย ทาวน์เฮาส์ 594 หน่วย บ้านแฝด 172 หน่วย ขณะที่ในปี 2565 มียอดขายบ้าน 1,344 หน่วย คอนโดฯ มียอดขาย 1,165 หน่วย ทาวน์เฮาส์ 572 บ้านแฝด 608 หน่วย ส่วนโครงการใหม่ต่างชะลอการเปิดตัวทำให้ซัปพลายในตลาดไม่ได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดขายแม้จะลดลงแต่ช่วยระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยในตลาดออกไปเยอะ ทำให้บ้านตลาดภูเก็ตในปัจจุบันมีซัปพลายเหลือขายสะสมในพื้นที่น้อยมาก

ด้านนายกฤษณ์ เตชะสัมมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตถือเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวและไฟลต์บินที่เดินทางเข้าภูเก็ตนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นราว 10-15% จากที่ประเมินช่วงต้นปี ขณะเดียวกัน ตลาดที่อยู่อาศัยเองก็เติบโตและได้รับความสนใจจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาว

"ภูเก็ตคือจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นจังหวัดแรกๆ ขณะเดียวกัน ตอนฟื้นตัวก็ฟื้นตัวก่อนเป็นจังหวัดแรกๆ เช่นกัน เครือออริจิ้น จึงให้ความสนใจและเริ่มสำรวจโอกาสการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบในภูเก็ตตั้งแต่ช่วงปี 2565 เพื่อเตรียมตัวยกทัพบุกเป็นองคาพยพ ทั้งการพัฒนาที่อยู่อาศัย โรงแรม บริการสุขภาพ และบริการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ โดยออริจิ้น เนชั่นวายด์ ยังถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากส่วนกลางรายแรกๆ ที่เปิดตัวโครงการใหม่ในภูเก็ตในปีนี้" นายกฤษณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2566-2567 บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด มีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ตรวมทั้งสิ้น 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 18,000 ล้านบาท กระจายตัวทุกทำเล ทุกเซกเมนต์ในภูเก็ต นำร่องในปี 2566 ก่อน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท เริ่มเปิดตัวเป็นทางการแล้ว 1 โครงการ ได้แก่ โครงการดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต และสามารถปิดการขาย (Sold Out) ไปได้ภายใน 6 สัปดาห์ โดยเร็วๆ นี้ จะเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 1 โครงการ ได้แก่ ดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท

สมสกุล หลิมศุทธพรรณ
พลัสเติมพอร์ตบริหารอสังหาฯ ภูเก็หมื่นล้านบาท

น.ส.สมสกุล หลิมศุทธพรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ธุรกิจในเครือแสนสิริ
กล่าวว่า จากกลยุทธ์การขยายพอร์ตเข้าไปบริหารและขายในกลุ่มอสังหาฯ ลักชัวรีในจังหวัดภูเก็ตมากขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตมาต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำตลาดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปัจจุบัน พลัสฯ ประสบความสำเร็จ มีบริษัทมหาชนและบริษัทอสังหาฯ ในพื้นที่ให้ความสำคัญและเลือกบริษัทพลัสฯเข้าไปดูแล รวมมูลค่าโครงการอสังหาฯ ในกลุ่มลักชัวรีสู่ระดับ 10,000 ล้านบาท และทางบริษัทฯ เตรียมแผนกลยุทธ์เชิงรุกร่วมกับบริษัทแสนสิริในการขยายตลาดมากยิ่งขึ้น

"ดีมานด์อั้นมาหลายปี ทำให้ชาวต่างชาติ เลือกและมองหาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งในภูเก็ตมีสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของชาวต่างชาติได้ดี และชื่นชอบภูเก็ตมาก ซึ่งในเรื่องสิทธิการเช่าระยะยาวนั้น ตรงนี้ต้องมาพิจารณาให้รอบคอบ ทั้งนี้ ทางพลัสฯ มองว่าตลาดอสังหาฯ ในภูเก็ตมีการแข่งขันสูง แต่ละทำเลมีความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งทางเราได้ร่วมมือกับเอเยนต์ต่างๆ ในพื้นที่เพื่อร่วมกันส่งเสริมตลาดแม้ว่าในบางครั้ง บางดีลเราอาจจะกำไรน้อย แต่เรามองระยะยาว เนื่องจากภูเก็ตมีความเป็นแบรนด์ระดับโลก" น.ส.สมสกุล กล่าว

การส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว โดยการนำร่องโครงการขยายสนามบินเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน จะส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาฯ ซึ่งเป็นธุรกิจต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวในภูเก็ตได้อย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า การเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ตจะช่วยให้ตลาดอสังหาฯ ได้รับอสนิสงส์จากธุรกิจเช่า
และเกิดดีมานด์ใหม่ๆ จากนักท่องเที่ยวและนักลงทุน รวมไปถึงกลุ่มเศรษฐีจากประเทศต่างๆ ที่สนใจเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในภูเก็ตเพิ่มมากขึ้นนี้จึงเป็นที่มาของความมั่นใจของผู้ประกอบการอสังหาฯ ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก รวมไปถึงอสังหาฯ ในพื้นที่ ทำให้ขณะนี้มีการทยอยเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่หยุดชะงักมานานกว่า 3 ปี



กำลังโหลดความคิดเห็น