บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประกาศผลดำเนินการช่วงไตรมาส 2/2566 และครึ่งปี 2566 กันไปแล้ว ซึ่งถ้าโฟกัสที่กลุ่มดัชนี SET100 หลักทรัพย์ที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว จึงพาไปส่อง 10 อันดับ หุ้น SET100 ครึ่งปี 66 ที่มีอัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิสูงสุดในกลุ่ม (เทียบงบครึ่งปี 2565 กับ 2566)
1.บมจ.ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิครึ่งปี 2566 คือ +204.15% (กำไรครึ่งปี 2565 คือ 315.72 ล้านบาท กำไรครึ่งปี 2566 คือ 960.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 644.55 ล้านบาท) , ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -14.13% , ผลตอบแทนราคารอบ1สัปดาห์ -5.39% ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 39.50 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ68.00 / 37.25 บาท , ค่า P/E 12.97 เท่า, มาร์เกตแคป 23,474.55 ล้านบาท, เงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 6.46%
TIPH ตอกย้ำความสำเร็จการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรก ซึ่งเป็นการออกหุ้นกู้ของกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัยครั้งแรกในประเทศไทย โดยนักลงทุนสถาบันให้ความเชื่อมั่นและมองเห็นศักยภาพการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ แห่จองซื้อหุ้นกู้เกินเป้าหมายอย่างมาก โดย TIPH เตรียมต่อยอดนำเงินไปใช้ลงทุนขยายธุรกิจตามแผนที่กำหนดไว้
2.บมจ.แสนสิริ (SIRI) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิครึ่งปี 2566 คือ +162.50% (กำไรครึ่งปี 2565 คือ 1,220.17 ล้านบาท ขณะกำไรครึ่งปี 2566 คือ 3,202.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,982.76 ล้านบาท) , ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ +7.39% , ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ +1.61% ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 1.89 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 2.10 / 1.08 บาท , ค่าP/E 4.97 เท่า,มาร์เกตแคป 31,116.41 ล้านบาท,อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 7.38%
บริษัทยังคงเป้าหมายพรีเซลและยอดโอนในปี 2566 ที่ระดับสูง ซึ่งมีโอกาสหนุนให้กำไรสุทธิทำนิวไฮ โดยปีนี้มีแผนเปิดโครงการ 7.5 หมื่นล้านบาท จำนวน 52 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 66% และคอนโดมิเนียม 34% ซึ่งน้ำหนักการเปิดโครงการใหม่อยู่ในครึ่งปีแรกที่ 24% และครึ่งปีหลัง 76%
3.บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิครึ่งปี 2566 คือ+133.11% (กำไรครึ่งปี 2565 คือ 803.15 ล้านบาท ขณะกำไรครึ่งปี 2566 คือ 1,872.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,069.05 ล้านบาท) ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ +1.18%, ผลตอบแทนราคารอบ 1สัปดาห์ อยู่ที่ -1.72% ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 17.10 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ21.00 / 16.40 บาท , ค่าP/E 7.86 เท่า,มาร์เกตแคป 26,989.98 ล้านบาท, อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 7.31%
คาดกำไรปกติ Q3/66 มีแนวโน้มเติบโต YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อนหลังอัตรากาไรขั้นต้นมีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น YoY เนื่องจาก 1) ราคาขายยางมะตอยยังอยู่ในระดับสูงและ 2) ต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง YoY
4.บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA ) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ +81.99% (กำไรครึ่งปี 2565 คือ 2,461.74 ล้านบาท ขณะกำไรครึ่งปี 2566 คือ 4,480.02 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2,018.28 ล้านบาท) ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -40.98%,ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ -2.14 % ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 57.25 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 99.75 / 51.50 บาท , ค่าP/E 22.19 เท่า,มาร์เกตแคป 213,542.50 ล้านบาท,อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 0.52%
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุคงประมาณการกำไรปี 2023E/24E ที่ 9.1/9.5 พันล้านบาท โต +19%/+5% YoY ทั้งนี้กำไร 1H23 คิดเป็น 49% ต่อกำไร 2023E มองว่ายังอยู่ในกรอบประมาณการ จาก 2H23E จะมีรายได้จากการส่งมอบรถที่สูงขึ้น HoH มาทดแทนรายได้ธุรกิจ Biodiesel ที่ลดลงและธุรกิจโรงไฟฟ้าที่หดตัวตามฤดูกาล
5.บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิครึ่งปี 2566 คือ +78.94%(กำไรครึ่งปี 2565 คือ1,421.57 ล้านบาท ขณะกำไรครึ่งปี 2566 คือ 2,543.77 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1,122.20 ล้านบาท) ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี66อยู่ที่ -36.83%,ผลตอบแทนราคารอบ1สัปดาห์ อยู่ที่ -8.72% ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 3.98 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 6.55 / 3.90 บาท , ค่าP/E 25.60 เท่า,มาร์เกตแคป 127,369.33 ล้านบาท,อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 0.80%
ไตรมาส 2 ปี 2566 ตามงบการเงินรวมมูลค่ายุติธรรม มีรายได้รวมกว่า 4,518 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 1,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 32 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตแบบก้าวกระโดดมากกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 อีกด้วย
6.บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิครึ่งปี 2566 คือ+76.16% (กำไรครึ่งปี 2565 คือ 1,890.99 ล้านบาท ขณะกำไรครึ่งปี 2566 คือ 3,331.19 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1,440.20 ล้านบาท) ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ +23.11%, ผลตอบแทนราคารอบ 1สัปดาห์ อยู่ที่ +6.10% ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 261.00 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 266.00 / 186.50 บาท , ค่าP/E 32.56 เท่า,มาร์เกตแคป 207,465.23 ล้านบาท,อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 1.34%
ไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีกำไรสุทธิ 1,747.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,165.95 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.66 เป็นเงินสด 1.35 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 24 ส.ค.66และกำหนดจ่าย 6 ก.ย.66
7.บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิครึ่งปี 2566 คือ +70.05% (กำไรครึ่งปี2565 คือ 970.21 ล้านบาท ขณะกำไรครึ่งปี 2566 คือ 1,649.84 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 679.63 ล้านบาท) ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี66อยู่ที่ -10.20%, ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ 0.00% ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 8.80 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 10.10 / 7.95 บาท , ค่าP/E 43.17 เท่า,มาร์เกตแคป 134,508.00 ล้านบาท,อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 1.36%
โบรกฯคาดการณ์ว่ากำไรในครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่อง หนุนโดยช่วงไฮซีซั่นของภาคท่องเที่ยว และอานิสงส์จากการเปิดให้บริการสายสีเหลืองตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 2566 และกำไรทั้งปี 2566 จะเติบโต ขณะที่ราคาหุ้นมองว่ายังไม่แพง ซึ่งราคาเป้าหมายที่ให้ไว้จะอยู่ในช่วง 10.40-11.50 บาทต่อหุ้น
8.บมจ.ช.การช่าง (CK) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิครึ่งปี 2566 คือ +67.15% (กำไรครึ่งปี 2565 คือ 420.97ล้านบาท ขณะกำไรครึ่งปี2566 คือ 703.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 282.66 ล้านบาท) ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -8.64%,ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ +0.91% ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 22.20 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 24.80 / 17.80 บาท , ค่าP/E 27.11 เท่า,มาร์เกตแคป 37,604.51 ล้านบาท, อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 1.11%
งบไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 704 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในงวดเดียวกัน 283% และมีรายได้ก่อสร้าง 18,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.34% และมีรายได้รวม 19,456 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวดวันที่ 1 ม.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2566 ในอัตรา 0.15 บาท/ หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 ส.ค. 2566 และวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล 29 ส.ค. 2566 ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ก.ย. 2566
9.บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิครึ่งปี 2566 คือ +47.86%(กำไรครึ่งปี 2565 คือ 609.95 ล้านบาท ขณะกำไรครึ่งปี 2566 คือ 901.87 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 291.92 ล้านบาท) ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ +16.02% ,ผลตอบแทนราคารอบ1สัปดาห์ อยู่ที่ +18.91% ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 59.75 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 65.00 / 32.75 บาท , ค่าP/E 20.09 เท่า,มาร์เกตแคป 48,091.51 ล้านบาท,อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 1.67%
งบไตรมาส 2/66 มีกำไรสุทธิ 635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 245.96 ล้านบาท โดยหากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและการขาดทุนจากอนุพันธ์ จะมีกำไรสุทธิหลักในไตรมาส 2/26 อยู่ที่ 749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 154% จากไตรมาสก่อน ซึ่งมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นอย่างมากเป็น 15% ในไตรมาส 2/66 โดยออกมาสูงกว่าเมื่อเทียบกับประมาณการของบริษัทอยู่ที่ 10.4% และ 8.6% ในไตรมาส 1/66
10.บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA)อัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิครึ่งปี 2566 คือ +46.86% (กำไรครึ่งปี 2565 คือ 945.71 ล้านบาท ขณะกำไรครึ่งปี 2566 คือ 1,388.85 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 443.14 ล้านบาท) ,ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี66อยู่ที่ +25.00% ,ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ +4.94% ,ราคา ณ 18 ส.ค.66 ปิด 5.10 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ52สัปดาห์ คือ 5.15 / 3.20 บาท , ค่า P/E 16.98 เท่า,มาร์เกตแคป 76,228.86 ล้านบาท,อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 3.28%
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์WHA โดยมองเป็นบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ จากการปรับเป้า presale ปีนี้ขึ้นเป็น 2.5 พันไร่ (ไม่รวมผู้ผลิตรถ EV รายใหญ่ที่ 600 ไร่) จากเดิม 1.75 พันไร่ และมากกว่าเราคาดเล็กน้อยที่ 2.25 พันไร่ จาก China relocation ที่เร่งตัว ทำให้รับรู้ยอดขายที่ดินในนิคมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาได้เร็วกว่าคาด
อย่างไรก็ตาม ใน 10 หุ้นเหล่านี้ บางหลักทรัพย์ นอกจากงบครึ่งปีจะโดดเด่นแล้ว ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 และ ผลตอบแทนราคารอบ1สัปดาห์ ก็ยังเป็นบวกอีกด้วย!