xs
xsm
sm
md
lg

'เอพี-มิตซูบิชิฯ'ตอกย้ำ10ปีความร่วมมือทางธุรกิจ พร้อมทุนมหาศาล 1.26 หมื่นลบ. ลงทุนพัฒนาคอนโด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้บริหารระดับสูง เอพี ไทยแลนด์-มิตซูบิชิ เอสเตทฯ ร่วมในงานประกาศความสำเร็จ ครบรอบ 10 ปี หนึ่งทศวรรษความร่วมมือทางธุรกิจ
การขับเคลื่อนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศสู่ตลาดในประเทศไทย แม้ที่ผ่านมาจะมีหลาย 'สัญชาติ'ที่เข้ามาบุกเบิกและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งโดยตรง และ การหา Partner ซึ่งเป็น ดีเวลลอปเปอร์ ที่ทำตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในประเทศไทย

แต่ ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ของการมี'พันธมิตรจากต่างประเทศ'เข้ามาร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง และยาวนานนั้น เรื่องของ 'เงินทุน' อาจจะเป็นแค่ประเด็นรอง เพราะธุรกิจข้ามชาติเหล่านี้ คงไม่ได้มองแค่ การหอบเงินหลายพันล้านบาท เข้ามาลง และ 'หยุด' 

เนื่องจากตลาดอสังหาฯในประเทศไทยมีศักยภาพค่อนข้างสูง มีโอกาสในการขยายธุรกิจ สร้างเครือข่ายเพื่อแสวงหาธุรกิจใหม่ๆในประเทศไทยต่อเนื่องในระยะยาว

บริษัท เอพี ไทยแลนด์ - บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (มิตซูบิชิ เอสเตท) องค์กรชั้นนำของไทยและญี่ปุ่น ที่มีความพิเศษ หลังจากทั้งสองพันธมิตร ได้ผนึกกำลังร่วมมือในการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เริ่มตั้งแต่ปี 2557 (2014) จนปัจจุบัน ปี 2566 ทั้งสององค์กรชั้นนำ ได้ประกาศความสำเร็จ ครบรอบ 10 ปี หนึ่งทศวรรษความร่วมมือทางธุรกิจและมิตรภาพที่แข็งแกร่ง ภายใต้เจตจำนง "ร่วมสร้างคุณค่าให้กับอุตสาหกรรมคอนโดมิเนียมไทย ส่งมอบชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้"

โดย นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ซึ่งมีสินทรัพย์รวมสูงถึง 79,176.04 ล้านบาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) สูงถึง 36,492.43 ล้านบาท (ณ สิ้นสุด 30 มิ.ย.2566) กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 10 ปี ณ ประเทศญี่ปุ่นว่า ความสำเร็จการร่วมมือทางธุรกิจ ระหว่างมิตซูบิชิ เอสเตท และ เอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับเอพี ไทยแลนด์ ตลอดจนยังถือเป็น Milestone สำคัญที่สะท้อนได้ถึงความเชื่อมั่นของพันธมิตร ต่อการทำงานของเอพี ไทยแลนด์ ความแข็ง แกร่งทั้งนัยยะความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของประเทศไทย ที่เทียบเคียงนานาประเทศ


ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายแรกและรายเดียว ที่มีโมเดลร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย ภายใต้ชื่อ "บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนท์ จำกัด" สัดส่วนถือหุ้น 51:49 เพื่อทำหน้าที่เป็นบริษัทหลักในการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นระยะยาว ด้วยทุนจดทะเบียนมูลค่า ณ ปัจจุบันที่ 12,619,408,010 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันหกร้อยสิบเก้าล้าน สี่แสนแปดพันสิบบาท)

"สมัยก่อนทางบริษัท เอพี ฯ มีกรรมการ ที่ผมเคราพท่านมาก ท่านพงส์ สารสิน และในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ผมได้มีโอกาสทานข้าวกับท่านตลอดเวลา และท่านก็รับทราบถึงการที่จะร่วมทุนกับมิตซูบิชิฯ และเรายังแปลกใจ ที่สารสิน มีการร่วมทุนลงทุนกับทางพันธมิตรญี่ปุ่นเยอะมากในประเทศ แต่ขอไม่กล่าวถึง เรายังตกใจ ญี่ปุ่นร่วมทุนกับครอบครัวสารสินเป็นจำนวนมาก ท่าน(พงส์ สารสิน) ให้โอวาทตอนที่เราจะ JV ว่า สำคัญที่สุดของบริษัทญี่ปุ่น โดยเฉพาะมิตซูบิชิฯ ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 100 ปี ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่ง สิ่งที่ทางมิตซูบิชิฯ ถือมากที่สุด คือ เรื่อง Trust ท่าน พงส์ สารสิน สอนว่า ทำธุรกิจที่ตรงไปตรงมา อย่าประเภทไม่ตรง ถ้าจับได้ (ญี่ปุ่น) เลิกกันเลย อย่างเช่น บางแปลงที่เราซื้อมา และโอนเข้าไปบริษัทร่วมทุนในราคาที่สูงกว่า เพราะสาเหตุที่ว่า เอพีฯ ซื้อที่ดินและถือไว้ก่อน และเราชาร์จดอกเบี้ยตาม IRR (Internal Rate of Return อัตราผลตอบแทน) ที่เราตกลงกันไว้ เราไม่เคยจะอะไรๆเพิ่ม "นายอนุพงษ์กล่าว

ในเรื่องของกระบวนการทำงานนั้น เราจะให้เปิดกว้างให้ทุกฝ่ายของมิตซูบิชิฯสามารถเข้าไปดูระบบได้หมด เวลามีการประชุมกับฝ่ายตลาด ฝ่ายขาย ทางผู้บริหารจากญี่ปุ่นเข้าไปร่วมฟังด้วย ซึ่งทางมิตซูบิช เอสเตทฯจะมีทีมงานบัญชี ทีมตรวจสอบ เดินเข้าไปบริษัทเอพีฯ สามารถเปิดบัญชีได้หมด และเรา(เอพี) กล้าให้ทางทีมจากญี่ปุ่นอยู่ในสำนักงาน ต้องการดูข้อมูลส่วนไหน อยากรู้อะไรดึงได้หมด จะบอกว่า นั่นคือ "รากฐาน"ของความร่วมมือ ตอนนี้ ไม่มีปัญหาเรื่อง Trust ดังนั้น Trust คือ หัวใจ ความไว้ใจของการทำธุรกิจร่วมทุน ถ้าเราไม่สามารถ Trust พาร์ทเนอร์ได้แล้ว อย่าทำ เพราะสุดท้ายจะทำให้ธุรกิจล่มสลาย คุณจะทะเลาะกันจนล่มสลาย นั่นคือ สิ่งที่เราทำตามที่ท่านพงส์ สารสิน สอนไว้ สิ่งนี้ ไม่ใช่แค่ กับ มิตซูบิชิ เอสเตทฯ แต่เป็นแก่น ของการพาร์ทเนอร์กับใครก็ตามในโลกนี้

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน
เหนือสิ่งอื่นใด ความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ ยังได้มีส่วนร่วมสร้างคุณูปการให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ทั้งในมิติ ด้านเม็ดเงินลงทุน ที่ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการจ้างงานกับคู่ค้ามากกว่า 100 บริษัท ที่อยู่ในระบบ Ecosystem ของอุตสาหกรรม การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งในมุมมองการดำเนินธุรกิจและคืนกลับสู่สังคม ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมากที่บริษัทร่วมทุนแบบระยะสั้นจะดำเนินการสร้างคุณูปการเช่นนี้มอบคืนให้กับสังคม

“มิตซูบิชิ เอสเตท มีความพิเศษไม่เพียงแต่ในแง่ของขนาดบริษัท และประสบการณ์ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังมีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล ที่พร้อมสนับสนุนความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยไปด้วยกัน อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการให้แรงบันดาลใจกับทีมเอพี ไทยแลนด์ สู่การสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อยกระดับให้สินค้าและบริการตอบโจทย์ชีวิตดีๆ ที่ลูกค้าเลือกเองได้” นายอนุพงษ์ กล่าว


ทั้งนี้ ในการพัฒนาโครงการร่วมทุน ก็จะพิจารณาในเรื่องของที่ดินที่เข้ามา และจะมีการหารือร่วมกับทางมิตซูบิชิฯ แต่หากเป็นที่ดินแปลงเล็กๆมาก ทางเอพีฯ จะดำเนินการลงทุนและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งต้องยอมรับว่า การซื้อและทำโครงการคอนโดมิเนียมยากกว่า 10 ปีแรกเยอะมาก

ผลสำเร็จของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 24 โครงการ มูลค่า 116,304 ล้านบาท
นายใหญ่มิตซูบิชิฯ มั่นใจไทยเป็นฐานลงทุนสำคัญ

นายอะซึชิ นากาจิมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจในต่างประเทศของมิตซูบิชิ เอสเตทเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว จากการพัฒนาอสังหาฯ ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ถึงวันนี้ มิตซูบิชิ เอสเตทมีธุรกิจอสังหาฯ อยู่ในหลายประเทศและหลายภูมิภาค ทั้งในยุโรป สหรัฐฯและเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศเอเชีย ซึ่งประเทศไทยนับเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีตลาดอสังหาฯเติบโตอย่างมีศักยภาพ และเอื้ออำนวยต่อการลงทุนทำธุรกิจ รวมถึงการได้ร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมอย่างเอพี ไทยแลนด์

ตลอดระยะเวลา 10 ปี ความร่วมมือทางธุรกิจกับเอพี ไทยแลนด์ มิตซูบิชิ เอสเตทได้พัฒนาความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรและปรัชญาองค์กรซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้มิตซูบิชิ เอสเตทสามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจผ่านมุมมองระยะยาว ซึ่งคงไม่สามารถเป็นไปได้ หากความร่วมมือของทั้งสองบริษัทเป็นความร่วมมือระยะสั้นจบเป็นรายโครงการ

ทั้งนี้ ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการทำงานร่วมกับเอพี ไทยแลนด์ ตลอดจน “ความเชื่อมั่น” ที่มิตซูบิชิ เอสเตทมีต่อเอพี ไทยแลนด์ ทั้งองค์ความรู้ที่ลึกซึ้งถึงแก่นในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ความใส่ใจในทุกกระบวนการทำงาน การวางแผนงานต่างๆ ของเอพี การได้ทำงานกับเอพี ไทยแลนด์ในฐานะบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่เชี่ยวชาญเช่นเดียวกัน ทำให้มิตซูบิชิ เอสเตทได้เรียนรู้เป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ เราทั้งสองบริษัทฯ ยังมีความมุ่งหมายตั้งใจที่จะสร้างคุณูปการให้กับธุรกิจร่วมทุนของเราและต่อสังคมไทย ด้วยการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญของเราในประเทศญี่ปุ่น ผ่านกิจกรรมต่างๆ ของเอพี ไทยแลนด์ และขณะนี้ ทั้งสองบริษัทฯ กำลังทำงานอย่างทุ่มเทในด้านการนำแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคนมาใช้เป็นหลักในการพัฒนาโครงการ

“มิตซูบิชิ เอสเตท มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถร่วมสร้างคุณูปการให้กับสังคมไทย ผ่านธุรกิจร่วมทุนกับพันธมิตรที่ดีและแข็งแกร่งอย่างเอพี ไทยแลนด์ และจะยังคงจับมือเดินหน้าร่วมกันไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบคุณค่าในฐานะบริษัทญี่ปุ่นให้กับสังคมไทยต่อไปในอนาคตข้างหน้าต่อจากนี้"

ครบรอบหนึ่งทศวรรษความร่วมมือ เอพี ไทยแลนด์-มิตซูบิชิ เอสเตท ได้พัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมทุน เจาะที่ดินแนวรถ ไฟฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 24 โปรเจกต์ มูลค่ารวมกว่า 116,300 ล้านบาท ทุกโครงการมีผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทั้งมิติด้านการขายและโอนกรรมสิทธิ์ โดยสร้างผลงานปิดการขาย (Sold Out) ไปแล้วทั้งสิ้น 13 โครงการ คงเหลือโปรเจกต์ร่วมทุนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเปิดขาย 11 โครงการ (มูลค่ารวม 55,650 ล้านบาท) มียอดขายเฉลี่ยทุกโครงการรวมกันประมาณ 60% หรือคิดเป็นมูลค่าสินค้าพร้อมขายที่ 20,375 ล้านบาท

โรดแมปลงทุนต่างประเทศ ปีละ 2.5 แสนล้านเยน

นายยูจิ โอกาโมโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนของมิตซูบิชิ เอสเตทฯในตลาดต่างประเทศ ในช่วงแผนระยะยาวที่วางไว้ถึงปี 2030 จะลงทุนแต่ละปีมูลค่าประมาณ 2-2.5 แสนล้านเยน โดยจะให้น้ำหนักที่ประเทศสหรัฐฯมีสัดส่วนมากถึง 46% และรองลงมาจะเป็นประเทศในแถบยุโรป และ อังกฤษ สัดส่วน 27% ส่วนตลาดลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ประเทศไทย,อินโดนิเซีย,สิงคโปค์,ฟิลิปปินส์ ,ออสเตรเลีย,จีน และประเทศไต้หวัน สัดส่วนรวม 27 %

สำหรับการร่วมมือจนประสบความสำเร็จนั้น นายยูจิ กล่าวย้ำว่า ความเชื่อใจกัน ( Trust) และการเคราพซึ่งกันและกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแนวทางที่เราทำร่วมกันมาตลอด และทำสิ่งเหล่านี้ต่อไปและทำให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

"เรื่องความไม่เข้าใจก็มี เมื่อก่อนทางมิตซูบิชิ เอสเตทฯไม่แน่ใจเรื่องประเทศไทย กฎหมายเป็นอย่างไร ลักษณะการทำบัญชีเป็นอย่างไร ก็ต้องสักถามรายละเอียดกับทางเอพีไปทุกๆเรื่อง ที่ถามไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจ เป็นเพราะไม่รู้ ก็เลยต้องการทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งในตอนนั้นทางเอพี ยินดีที่จะตอบทั้งหมด ให้ดูข้อมูลทั้งหมดที่สงสัย ในตอนนั้น ผม(นายยูจิ) มีความรู้สึกว่า นี้คือรูปแบบของการดำเนินงานที่ดี และหลังจากนี้ ดีใจมากที่จะได้ทำพันธกิจร่วมกันไปข้างหน้าอีก และเมื่อเราผ่านจุดเหล่านั้นมาได้ ความสัมพันธ์ระหว่างมิตซูบิชิฯ กับ เอพี เป็นไปด้วยความเข้าใจ และพร้อมที่จะบอกตรงไปตรงมา "นายยูจิ กล่าว

แฟล็กชิปโครงการร่วมทุนใหม่ล่าสุด RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค บนที่ดินขนาด4ไร่ มูลค่า 4,500 ลบ.ริมถนนเจริญนคร
เผยโฉมโครงการมาสเตอร์พีซ ที่สุดแห่งปี
เปิดแฟล็กชิป'RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค'


น.ส.กมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมว่า ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาและดีขึ้นไปเรื่อยๆ และเชื่อมั่นว่า โมเมนตัมครึ่งปีหลัง จะดีต่อเนื่อง ถ้าดูจากยอดขายคอนโดมิเนียมในทุกๆเซกเมนต์ของเอพี รอบ 7 เดือนแรกที่ผ่านมา สามารถทำได้ 11,600 กว่าล้านบาท

โดยในแผนครึ่งหลังปีนี้ เอพี ไทยแลนด์-มิตซูบิชิ เอสเตท พร้อมส่ง 2 โครงการ MASTERPIECE บิ๊กโปรเจกต์ร่วมทุนที่เป็นความภาคภูมิใจแห่งปี ใน 2 ที่ดินแลนด์มาร์กที่สำคัญของกรุงเทพฯ โดยมีไฮไลต์แรก เตรียมเปิดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ พร้อมเข้าอยู่ใหม่ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี มูลค่าโครงการ 8,600 ล้านบาท โครงการระดับเพรสทีจ-ลักซ์ ที่สุดของความละเมียดละไมอันทรงคุณค่า และความพิถีพิถันเพียงหนึ่งเดียว บนที่สุดของทำเลที่ดินผืนงามใจกลางมหานคร (150 เมตรจาก BTS ราชเทวี) พร้อมเผยโฉมความสวยงามสะดุดทุกมุมมองเป็นครั้งแรก ห้องชุด 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร(ตร.ม.) PANORAMIC CITY VIEW ราคาเริ่มต้น 8.29 ล้านบาท เตรียมเปิดโอนในวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้

อีกหนึ่งไฮไลต์ คือ การเปิดแฟล็กชิปโครงการร่วมทุนใหม่ล่าสุด RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค บนที่ดินขนาด 4 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ริมถนนเจริญนคร ตรงข้ามไอคอนสยาม เพียง 100 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีทอง"เจริญนคร"เพื่อตอบโจทย์ดีมานด์ลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ ชูความพิเศษต้นแบบการพัฒนาโครงการใหม่ภายใต้แนวคิด SUPER CONDOMINIUM ที่รวมความเป็นที่สุดไว้ในหนึ่งเดียว

ผ่าน 3 มิติหลัก ได้แก่ (1) SUPER DESIGN ที่สุดของเอกลักษณ์การออกแบบให้เกิดความลงตัวครบในทุกมิติ (2) SUPER RADIUS บนทำเลที่ตั้งโครงการสุดไพร์ม ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อม GLOBAL DESTINATION เชื่อมต่อประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกในรัศมีเพียง 100 เมตร และ (3) SUPER BLUE CHIP ที่สุดของคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม สะท้อนผ่านแบรนด์และการพัฒนาโครงการ ให้เป็นแลนด์มาร์กคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ที่ดีที่สุด เป็นต้น เตรียมเปิดขายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นราคาที่จับต้องได้อยู่ที่ 1.7-1.8 แสนบาทต่อตร.ม.





รูปแบบการจัดพื้นที่ส่วนกลางในแบบ ENGAWA

การออกแบบที่ตอบสนองต่อผู้ใช้บริการ และ การดูแลผู้สูงอายุ
กำลังโหลดความคิดเห็น