ตลาดหุ้นยังคงผันผวนหนัก หุ้นดังๆ ใน SET100 หลายหลักทรัพย์ปรับตัวลงแรงมากตั้งแต่ต้นปี โดยมีมากถึง 18 หลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงมากกว่า 30% ซึ่งมีหุ้นที่อยู่ในเครือเดียวกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มหุ้นตระกูล J และหุ้นในกลุ่ม STA-STGT โดยคัดมา 10 อันดับที่ปรับตัวลงแรงมากที่สุด (ณ ราคา 11 ส.ค.66)
1.บมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -55.58% ขณะผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ +13.13% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 18.10 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 54.75/13.10 บาท ค่า P/E 150.40 เท่า มาร์เกตแคป 26,381.90 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 6.11%
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2/66 มีผลขาดทุน 611.2 ล้านบาท ลดลง -257.0% จากไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 389.4 ล้านบาท แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้สะท้อนว่าปัญหาการจัดการหนี้เสียและการตั้งสำรองของกลุ่มเจมาร์ทใกล้จบแล้ว ทำให้มีแรงซื้อเข้ามา จากช่วงต้นปีที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก
2.บมจ.หลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (BYD) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -52.63% ขณะผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ +1.61% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 6.30 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 16.10/5.45 บาท ค่า P/E - เท่า มาร์เกตแคป 26,768.35 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี -%
ปี 66 BYD ยังมีรายได้จากดอกเบี้ยรับจากการปล่อยกู้ให้ “บ.ไทย สมายล์ บัส หรือ TSB” ผู้ให้บริการของรถโดยสารไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้า 8,550 ล้านบาท ดอกเบี้ย 6% ต่อปี คาดว่าจะมีรายได้เฉพาะส่วนนี้ 500 ล้านบาท ล่าสุด BYD ลงทุนใน TSB ผ่าน บ.ย่อย “บ.เอช อินคอร์ปอเรชั่น หรือ ACE” ในสัดส่วน 49.39%
3.บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -45.03% ขณะผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ 0.00% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 8.85 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 17.10/8.25 บาท ค่า P/E 6.10 เท่า มาร์เกตแคป 13,799.73 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 19.77%
บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุ PSL คาดมีกำไรปกติ 206 ล้านบาท โต 279% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากฐานต่ำในไตรมาส 1/2566 แต่ลดลง 88% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับลดประมาณกำไรปี 2566 ลดลง
4.บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -43.72% ขณะผลตอบแทนราคารอบ1สัปดาห์อยู่ที่ +3.00% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 10.30 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 20.20/8.70 บาท ค่า P/E 49.21 เท่า มาร์เกตแคป 20,824.82 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี -%
งบงวดไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 2,753.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,543.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1,210 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 210.17 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ จำนวน 2,567.11 ล้านบาท เนื่องจากในงวดไตรมาส 2 ปี 66 บริษัทฯจำหน่ายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้เพิ่มขึ้นจำนวน 487 คัน
5.บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA ) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -39.43% ขณะผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ +0.43% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 58.75 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 99.75/51.50 บาท ค่า P/E 25.61 เท่า มาร์เกตแคป 219,137.50 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 0.51%
บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 2 จำนวน 2,160.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,064.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 97.21 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 1,095.43 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือน มีกำไรสุทธิจำนวน 4,480.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,018.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.99 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิรวม 2,461.74 ล้านบาท
6.บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC ) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -37.78% ขณะผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ -7.98% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 3.92 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 6.55/3.90 บาท ค่า P/E 25.21 เท่า มาร์เกตแคป 125,449.19 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 0.82%
AWC เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 ตามงบการเงินรวมมูลค่ายุติธรรม มีรายได้รวมกว่า 4,518 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 1,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 32 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตแบบก้าวกระโดดมากกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 อีกด้วย
7.บมจ.วีจีไอ (VGI) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -37.73% ขณะผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ -2.14% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 2.74 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 5.10/2.62 บาท ค่า P/E - เท่า มาร์เกตแคป 30,672.98 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2.92%
นักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นของ VGI ปรับตัวลดลงแรงนั้นเกิดจากการคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของ VGI เสี่ยงขาดทุน ผลจากการรับรู้ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของ JMART ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 199 ล้านหุ้น หรือ 13.66% และ KEXที่ถือหุ้น 269 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15.45% ทำให้ VGI ต้องรับรู้ผลขาดทุนนั้นด้วย
8.บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -37.32% ขณะผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ +17.69% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 43.25 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 80.25/32.50 บาท ค่า P/E 32.38 เท่า มาร์เก็ตแคป 63,129.10 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2.50%
JMT ทำกำไรไตรมาส 2/2566 ที่ 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.2% ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาส รับยอดจัดเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้น พร้อมมีกำไรจากการซื้อลูกหนี้เก็บเข้าพอร์ต สนับสนุนให้งวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.4% พร้อมประกาศปันผลระหว่างกาล 0.34 บาท/หุ้น ขึ้น XD 24 ส.ค.66 กำหนดจ่าย 8 ก.ย.66
9.บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (GUNKUL) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -36.76% ขณะผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ 0.00% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 3.32 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 5.80/2.98 บาท ค่า P/E 9.95 เท่า มาร์เกตแคป 29,490.00 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 3.61%
บล.หยวนต้า คาด GUNKUL กำไรปกติ Q2/66 ที่ 358 ล้านบาท ลดลง YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1) การลดสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟฟ้าลมลง 50% (ตั้งแต่ Q3/65) 2) ปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าลม และ 3) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น
10.บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -34.12% ขณะผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์ อยู่ที่ -12.03% ราคา ณ 11 ส.ค.66 ปิด 13.90 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 26.00/13.70 บาท ค่า P/E 8.40 เท่า มาร์เกตแคป 21,350.40 ล้านบาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 14.39%
ไตรมาส 2/2566 (เมษายน-มิถุนายน) มีรายได้จากการขายและบริการ 21,227.0 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 110.0 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบ “เอลนีโญ” ทำให้ฝนในปีนี้ลดลง ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีปริมาณการขายยางธรรมชาติทุกประเภทรวม 744,200 แสนตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0
ส่วนหุ้นตัวอื่นใน SET100 ที่ผลตอบแทนราคาลดลงมากกว่า 30.00% (คำนวณ ณ วันที่ 11 ส.ค.66) ยังมีอีก 8 ตัวคือ ACE -34.07% BAM -33.54% BTG -32.35% STGT -32.00% BANPU -31.75% SCGP -31.58% SABUY -31.42% TQM -30.77%