xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดเก็งกำไรงบบัญชี หนุน SET INDEX ปิด +5.11 จุด โบรกฯแนะติดตามเงินเฟ้อสหรัฐ-ตั้งรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาดปรับตัว +5.11 จุด นักวิเคราะห์ชี้ หุ้นไทยวันนี้แกว่งผันผวนกรอบแคบ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่กำลังจับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/2566 รวมถึงการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,545 จุด และแนวรับที่ 1,520 จุด แนะติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.11 จุด หรือ +0.33% โดยปิดตลาดที่ 1,533.41 จุด มูลค่าซื้อขาย 57,881.49 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งไซด์เวย์ทั้งแดนบวกและลบ โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,533.41 จุด ในทางกลับกันที่เป็นทิศทางขาลงปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,518.62 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 268 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 186 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 187 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า-2,588.75 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +1,171.37 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +447.13 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +970.25 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,296.41 ล้านบาท ปิดที่ 166.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,257.94 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
3.BH มูลค่าการซื้อขาย 2,939.38 ล้านบาท ปิดที่ 246.00 บาท เพิ่มขึ้น 17.00 บาท
4.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,620.94 ล้านบาท ปิดที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,090.35 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่246.00 บาท เพิ่มขึ้น 17.00 บาท หรือ 7.42%
2.PTTEP ปิดที่166.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 2.15%
3.TOP ปิดที่54.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.81%
4.JMT ปิดที่40.00บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.90%
5.MTC ปิดที่38.75บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.33%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่105.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 2.31%
2.GPSC ปิดที่52.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 3.67%
3.BCP ปิดที่38.00 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 3.18%
4.BGRIM ปิดที่36.75 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.65%
5.ADVANC ปิดที่221.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.45%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,103.12 จุด เพิ่มขึ้น 7.11 จุด หรือ 0.34% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 951.10 จุด เพิ่มขึ้น 3.05 จุด หรือ 0.32% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 459.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.68 จุด หรือ 0.37%

นายชาญชัย พันธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างผันผวนกรอบแคบ นักลงทุนติดตามการรายงานผลประกอบการของธุรกิจในไตรมาส 2/66 รวมทั้งประเด็นการเมืองในประเทศ การรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP,PTT และโรงกลั่น ปรับตัวขึ้นมา และอีกกลุ่มเป็นหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด หรือเป็นหุ้นที่ภาพรวมผลประกอบการระยะถัดไปมีโอกาสฟื้นตัว ทำให้ตลาดกลับมาเก็งกำไรหุ้นดังกล่าว อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล BH ที่เป็นตัวหนุน และกลุ่มไฟแนนซ์ JMT

"แนวโน้มตลาดวันพรุ่งนี้คาดว่าจะผันผวนไปตามรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนี CPI จะปรับขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายปี ถ้าตัวเลขขยายตัวมากกว่าที่ตลาดคาดทำให้ตลาดกลับมากังวลเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสูงและยาวนานกว่าคาด และจะเชื่อมโยงกับการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะมีการปรับขึ้นอีกครั้ง และตลาดจะตอบรับในเชิงลบ ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามต่อพัฒนาการทางการเมือง และการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 2/66 โดยมองกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,545 จุด และแนวรับที่ 1,520 จุด" นายชาญชัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น