"ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์" กูรูการลงทุนหุ้นไทยมองเทรนการลงทุนครึ่งหลังปี 2566 ชี้มรสุมเศรษฐกิจยังรุมเร้า ทั้งจากปัจจัยหลังของภาวะเงินเฟ้อที่ต้องใช้ยากแรงอัดฉีดมาตรการอัตราดอกเบี้ย พร้อมประคองภาคการธนาคารที่ยังคงสุ่มเสี่ยงล้มละลาย และปัญหายืดเยื้อของสงครามยูเครน-รัสเซีย
ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ ให้มุมมองเทรนการลงทุนครึ่งปีหลังผ่านรายการ Market Price ส่องหุ้น ซึ่ง ลุงโฉลก ได้วิเคราะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และภาพแนวโน้มการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า “Bitcoin อาจปรับตัวขึ้นได้ยาก ซึ่งอาจโดนปัจจัยลบเข้ามากระทบ กดให้ลงต่อไปอีกเรื่อย ๆ เนื่องจากเพราะปัญหาหลักที่สำคัญที่สุดคือการที่ราคาลงครั้งใหญ่จาก 69,000 เมื่อช่วงปลายปี 64 ไหลลงมาถึง 15,000 จริงแล้ว ๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วเทรนขาลง มันยังลงไม่สุด ซึ่งมันน่าจะลงอีกเฮือกหนึ่งมาแถว ๆ โลว์เดิม” พร้อมกันนี้โดยลุงโฉลกได้ชี้เมาส์ไปที่ระดับเดียวกับช่วงราคา 69,045 ดอลลาร์ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของตลาดหมีรอบที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ลุงโฉลกยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ราคา Bitcoin มีโอกาสที่จะร่วงลงมาอีกใกล้เคียงจุดต่ำสุดรอบก่อน ซึ่งหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และมีการปรับตัวฟื้นขึ้น เราอาจได้เห็นราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนก็เป็นได้ “มาแถว ๆ เดิม แต่ทำ New Low สักพักหนึ่ง เพราะถ้ามันลงมาอีกครั้งแล้วมาย้ำแถว ๆ เดิม จะเป็น double bottom แล้วถ้าเป็นอย่างนี้นะ ราคาถึงจะขึ้นอย่างมหัศจรรย์ได้ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น Bitcoin น่าจะยัง Bullish แต่ลึก ๆ แล้ว ยังน่าห่วงว่ามันจะลงมาทำ New Low อีกครั้งก่อนที่จะขึ้น” ลุงโฉลก กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลาดคริปโตก็มีความผันผวนสูงเช่นกัน และนักลงทุนควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยรวมแล้วตลาดคริปโตครึ่งหลังปี 2566 จะยังคงมีความผันผวนสูง และนักลงทุนควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ลุงโฉลกยังได้ประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจและปัจจัยต่างๆที่อาจส่งผลต่อการลงทุนในครึ่งปีหลังไว้อย่างน่าสนใจ โดยแบ่งเป็นประเด็นหลักๆได้แก่
ตลาดคริปโตครึ่งหลังปี 2566 จะยังคงผันผวนอย่างหนัก โดยมีปัจจัยลบหลักจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวลดลง รวมถึงความเสี่ยงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ลุงโฉลกยังมองว่าตลาดคริปโตยังมีปัจจัยบวกบางประการ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อยทั่วโลก
นโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปี 2566 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่สูงขึ้น นโยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟดอาจทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนจะหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากขึ้น เช่น พันธบัตรรัฐบาล
ความเสี่ยงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในหลายด้าน รวมถึงราคาพลังงานที่สูงขึ้นและอุปทานที่ลดลง สงครามอาจยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้ตลาดคริปโตมีความผันผวนมากขึ้น
การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน
เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งกำลังถูกนำไปใช้กับหลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน โลจิสติกส์ และสาธารณสุข การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจทำให้ตลาดคริปโตมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนสถาบันและรายย่อยทั่วโลก
ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น
ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อยทั่วโลก ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้อาจทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโต