กลุ่มดุสิตธานีเปิดตัวโปรแกรม “ทรี ออฟ ไลฟ์” (Tree of Life) วางแนวทางสร้างความยั่งยืน 4 ระดับ ภายใต้เกณฑ์พัฒนา 31 ข้อ ที่ครอบคลุมทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยโปรแกรมจะถูกนำมาใช้กับทุกกลุ่มธุรกิจภายใต้การบริหารของกลุ่มดุสิตธานี โดยจะเริ่มจากโรงแรมและรีสอร์ต 54 แห่งที่กระจายอยู่ใน 19 ประเทศทั่วโลก
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า เป้าหมายสำคัญของกลุ่มดุสิตธานี นอกจากจะดำเนินการบน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ สร้างความสมดุล สร้างการเติบโต และการกระจายความเสี่ยงแล้ว กลุ่มดุสิตธานียังมีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นความยั่งยืนที่สามารถส่งต่อไปยังทุกภาคส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า สังคม รวมถึงชุมชน ด้วยการก้าวสู่การสร้างความยั่งยืนตามกรอบองค์การสหประชาชาติปี 2030 (United Nations Sustainable Development Goals : UN SDGs 2030)
โดยล่าสุด กลุ่มดุสิตธานีได้ดำเนินนโยบายด้านความยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวโปรแกรม “ทรี ออฟ ไลฟ์” (Tree of Life) ซึ่งจะครอบคลุมหน่วยงานของกลุ่มดุสิตทั้งหมด เริ่มจากโรงแรมและรีสอร์ตในเครือดุสิตทุกแห่งทั่วโลก รวมถึงโรงแรม 54 แห่งที่เปิดดำเนินงานอยู่ใน 19 ประเทศ ขณะที่หน่วยธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการศึกษา กลุ่มธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต้อนรับ จะเข้าร่วมโปรแกรมในเร็วๆ นี้
โครงการ Tree of Life แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ด้วยหลักเกณฑ์ทั้งหมด 31 ข้อ ที่ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติที่ทางบริษัทฯ ได้คัดเลือกไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกธุรกิจของกลุ่มดุสิตธานีมีการดำเนินงานอย่างยั่งยืนครอบคลุมองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
สำหรับโปรแกรมระดับที่หนึ่งซึ่งถือเป็นภาคบังคับ ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบและแนวทางปฏิบัติสำหรับทุกหน่วยงาน ครอบคลุมเกณฑ์สำคัญ 8 ประการ ได้แก่ การคุ้มครองพืชและสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ การลดขยะจากอาหาร การลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง การแยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มปริมาณการรีไซเคิล การส่งเสริมการอนุรักษ์และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดลำดับความสำคัญของพนักงานและสวัสดิภาพของลูกค้าผ่านแนวทางปฏิบัติด้านการจัดการความปลอดภัยที่เข้มงวด การต่อต้านการค้ามนุษย์และการแสวงประโยชน์ทางเพศ และร่วมกันทำงานกับผู้นำชุมชนท้องถิ่นอย่างแข็งขันเพื่อสนับสนุนโครงการหรือกิจกรรมที่สร้างประโยชน์ที่สามารถประเมินค่าและวัดผลได้ให้ชุมชนของกลุ่มดุสิตธานีในวงกว้าง
ทั้งนี้ โรงแรมและหน่วยธุรกิจของกลุ่มดุสิตธานี จะได้รับใบไม้แห่ง “ทรี ออฟ ไลฟ์” (Tree of Life) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ลูกค้าและคู่ค้า รับทราบความสำเร็จของการดำเนินงานความยั่งยืนของแต่ละหน่วยงาน โดยระดับที่ 1 จะต้องผ่านเกณฑ์ภาคบังคับ 8 ข้อ ส่วนระดับที่ 2 คือ ผ่านเกณฑ์ระดับ 1 และผ่านเกณฑ์อีก 18 ข้อ ในขณะที่ระดับ 3 ต้องผ่านระดับ 2 และผ่านเกณฑ์อีก 23 ข้อ และระดับที่ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด จะต้องผ่านระดับ 3 และผ่านเกณฑ์ 28 ข้อ
“การดำเนินโครงการ Tree of Life ของกลุ่มดุสิตธานี ไม่เพียงแต่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงคุณค่าที่หยั่งรากลึกขององค์กรที่แน่วแน่และมุ่งมั่นในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการปฏิบัติด้านธรรมาภิบาล เราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั่วโลก และสร้างผลกระทบเชิงบวกและยั่งยืนต่อชุมชนที่เราดำเนินงาน โครงการนี้จะช่วยผลักดันให้โรงแรมหรือธุรกิจของเราทำงานอย่างกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อม ส่งมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้ลูกค้าและพนักงาน รวมถึงสร้างความแตกต่างที่มีคุณค่าให้โลก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าว
โครงการ “ทรี ออฟ ไลฟ์” (Tree of Life) จะได้รับการดูแลติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อกำหนด รวมถึงให้คำแนะนำในสิ่งที่ต้องปรับปรุง โดยคณะกรรมการเพื่อความยั่งยืนของกลุ่มดุสิตธานี เพื่อให้โครงการมีความคืบหน้า นอกจากนี้ คณะกรรมการความยั่งยืนจะกำหนดแผนพัฒนาเชิงรุก ออกนโยบายและขั้นตอนใหม่ๆ เพื่อให้โครงการเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับมาตรฐานของโลก รวมถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดใหม่ๆ
ทางด้าน มร.จิลส์ เครตัลลาส (Gilles Cretallaz) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มดุสิตธานี กล่าวว่า มั่นใจว่า โครงการ “ทรี ออฟ ไลฟ์” (Tree of Life) จะทำให้โรงแรมและรีสอร์ตของกลุ่มดุสิตธานีเริ่มต้นการเดินทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่หลอมรวมความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงาน สัญลักษณ์ “ใบไม้” เป็นเครื่องยืนยันว่าโรงแรมและธุรกิจทุกแห่งจะมุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโลกและธรรมชาติ และแขกทุกคนจะได้รับประสบการณ์ยั่งยืนเชิงบวก รวมถึงมีส่วนช่วยสนับสนุนความยั่งยืนและมั่งคั่งให้โลก เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นต่อๆ ไป
ทั้งนี้ กลยุทธ์ของกลุ่มดุสิตธานีสำหรับธุรกิจที่ยั่งยืนนั้น สอดคล้องกับ 4 แกนหลักของการให้บริการแบบดุสิต หรือ Dusit Graciousness ซึ่งประกอบด้วย การบริการที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า (Service) การบริการที่ตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจ (Well-being) การบริการที่เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชุมชนและคนรอบข้าง (Locality) และการบริการที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม (Sustainability)
ในปี 2565 โรงแรมและรีสอร์ตของดุสิตธานี ได้กลายเป็นกลุ่มโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่จัดสรรข้าวหอมมะลิออแกนิก 100% ให้ทุกโรงแรมในเครือทั่วราชอาณาจักร ด้วยการซื้อโดยตรงจากฟาร์มขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแต่ให้คุณค่าทางโภชนาการแก่แขก ลูกค้า และพนักงานเท่านั้น แต่ยังสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้ชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เริ่มจัดหาไข่จากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยสำหรับโรงแรม 6 แห่ง โดยปีนี้ กลุ่มดุสิตธานีมีแผนดำเนินโครงการที่ใกล้เคียงกันเพื่อยกระดับการจัดซื้อจัดหาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดตอกย้ำและสะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และส่งต่อความยั่งยืนให้ชุมชนอย่างแท้จริง