“พฤกษา โฮลดิ้ง” มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าด้านเศรษฐกิจ ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคนในองค์กรและสังคม ชูนโยบายบริหารงานแบบ Center of Excellence ที่ช่วยเสริมศักยภาพของพนักงานให้เติบโต พร้อมจับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่เดินหน้าลดโลกร้อน จัดหาวงเงินสินเชื่อสีเขียวสำหรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท
น.ส.สุรวีย์ ชัยธำรงค์กูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การพัฒนาองค์กรเพื่อความยั่งยืนของพฤกษา โฮลดิ้ง มุ่งเน้น 4 ด้าน คือ การใส่ใจคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อส่งมอบการอยู่อาศัยที่อยู่ดีมีสุข (Heart to Home) การใส่ใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการผลิตเพื่อลดโลกร้อน (Heart to Earth) การใส่ใจสังคมและให้โอกาสที่ดีเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้ผู้ที่ต้องการโอกาสในสังคม (Heart to Society) และ การใส่ใจด้านสุขภาพที่ดีของลูกค้า พนักงาน ชุมชน และสังคม (Heart to Health) รวมไปถึงด้านเศรษฐกิจ ด้วยการสร้างความแข็งแกร่งขององค์กร ด้วยธุรกิจหลักและการสร้าง Recurring Income ผ่านธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
ในรอบปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดการเงินมีความผันผวนและบางส่วนไม่สามารถควบคุมได้ ทว่าด้วยนโยบายการเงินการลงทุนที่รัดกุมของกลุ่มบริษัท การบริหารกระแสเงินสดของแต่ละกลุ่มธุรกิจอย่างเข้มข้น และการสนับสนุนการลงทุนในต่างประเทศที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านนโยบายการบริหารเงิน และการทำ Natural Hedge เพื่อบริหารความเสี่ยง ทำให้บริษัทสามารถประหยัดการชำระดอกเบี้ยลงได้ซึ่งสวนทางกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
“การเตรียมความพร้อมของพนักงานในสายงานการเงินเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราคือ backbone หรือกลุ่มคนหลังบ้านซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัท ในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทมีการขยายการลงทุนออกไปในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ดังนั้น การส่งเสริมศักยภาพของพนักงานจึงเป็นอีกหนึ่งภารกิจของเรา ทั้งการ Upskill และ Reskill ผ่านการบริหารงานแบบ Center of Excellence หรือการบริหารงานแบบศูนย์กลางสู่ความเป็นเลิศ โดยมุ่งบริหารจัดการและแชร์ทรัพยากรร่วมกัน ทั้งบุคลากร ความชำนาญ และเทคโนโลยีด้านการบริการของหน่วยงานบัญชี การเงิน การบริหารเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ให้บริษัทในเครือ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดึงศักยภาพของพนักงานที่มีความชำนาญในแต่ละรูปแบบ พร้อมทั้งลดต้นทุนการดำเนินงานระหว่างกลุ่มบริษัท"
นอกจากนี้ ยังนำเอาเทคโนโลยีระบบ Robotic process automation (RPA) หรือโปรแกรมอัตโนมัติ (Robot) มาใช้ทำงานแทนบุคลากรในหน่วยงาน สำหรับงานที่มีรูปแบบ routine หรือการทำงานซ้ำๆ นอกจากจะลดความผิดพลาดในงานแต่ละประเภทได้ ยังสามารถลดชั่วโมงการทำงานลง ประหยัดต้นทุนด้านบุคลากร และที่สำคัญที่สุดคือ ส่งเสริมพนักงานให้ทำงานในเชิงวิเคราะห์ และเพิ่มมูลค่างานที่ทำในปัจจุบัน ถือเป็นการพัฒนาศักยภาพของพนักงานในรูปแบบหนึ่ง เพื่อประโยชน์ในการสร้างความยั่งยืนให้องค์กร และเพื่อการใช้ทรัพยากรภายในกลุ่มร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
น.ส.สุวรีย์ กล่าวว่า พฤกษาดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างความยั่งยืนในทุก ๆ ด้านอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ลดการชั่วโมงการทำงานและลดการใช้วัสดุสิ้นเปลืองลง ทำให้ในปี 2565 บริษัทสามารถลดการใช้คาร์บอนฟุตพรินต์ได้กว่า 15,000 ตัน นอกจากนี้ สายงานการเงินยังคงมุ่งจัดหาวงเงินสินเชื่อสีเขียวสำหรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งต่อบริษัทและสังคมโดยรวม โดยเมื่อกลางปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อ Green Loan จากธนาคารทหารไทยธนชาต ซึ่งเป็นสินเชื่อที่สนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมวงเงิน 2,070 ล้านบาท ให้บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด บริษัทในกลุ่มพฤกษาโฮลดิ้ง และปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดหาวงเงินสนับสนุนเงินกู้สีเขียวสำหรับบริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟในโครงการที่อยู่อาศัยของเครือพฤกษาด้วย
นายพรเทพ ศุภธราธาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพรีคาสท์ จำกัด กล่าวว่า วงเงินสินเชื่อ Green Loan ที่ได้รับในครั้งนี้จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิต พัฒนาและปรับปรุงโรงงานเพื่อรองรับความต้องการจากทั้งในและต่างประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดย อินโน พรีคาสท์ตั้งเป้าสู่ความเป็นผู้นำตลาดแผ่นพรีคาสท์ที่มีคุณภาพ และลดการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำในไทย
ที่ผ่านมา อินโน พรีคาสท์ใช้นวัตกรรมแผ่นพรีคาสท์ชนิดมีรูกลวง (Hollow Core) การออกแบบคานคอดิน (Ground Beam) การเชื่อมซีเมนต์ (Cement Jointing) การทำ Zero Waste รวมถึงการรีไซเคิลภายในโรงงานเพื่อทำให้เป็นโรงงานสีเขียวเต็มรูปแบบ (Green Factory) และในปีนี้ได้นำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้อย่างต่อเนื่องด้วยการเดินหน้าติดตั้งโซลาร์เซลล์ และใช้นวัตกรรม “คาร์บอนเคียว” (Carbon Cure) เป็นรายแรกในกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ ผลิตแผ่นพรีคาสท์ที่มีคาร์บอนต่ำ อีกทั้งยังได้เลือกใช้ปูนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ได้แก่ ปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow (ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก) มาเป็นส่วนผสมหลักของการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จที่ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพรินต์และฉลากลดโลกร้อน ลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านการผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำแห่งเดียวในประเทศไทย จึงมั่นใจได้ว่า บ้านทุกหลังที่สร้างจากแผ่นพรีคาสท์ของอินโน พรีคาสท์เป็นบ้านคาร์บอนต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยส่งเสริมความยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของไทยด้วย