xs
xsm
sm
md
lg

"FPIT" ทุ่ม 3 หมื่นล้านบาท ขยายพื้นที่เช่าอาคารอุตฯ 100,000 ล้านบาท วางเป้า 3 ปี ปั้นพอร์ต 4 ล้าน ตร.ม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรมโตต่อเนื่อง หลังรับแรงหนุนต่างชาติขยายลงทุน "FPIT" กางแผนลงทุน 3 ปี ทุ่ม 30,000 ล้านบาท เพิ่มพอร์ตทั้งในและต่างประเทศ พร้อมรับการบริโภคในประเทศที่มีทิศทางเชิงบวก ตั้งเป้า 3 ปี พอร์ตอาคารอุตสาหกรรม 4 ล้าน ตร.ม. ดันมูลค่าทรัพย์สินแตะ 100,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 3.5 ล้าน ตร.ม. มูลค่า 75,000 ล้านบาท ตั้งเป้า 3 ปีสัดส่วนรายได้ธุรกิจเช่า 90% แจงอัตราเช่าเฉลี่ยปัจจุบัน 85% พร้อมเดินหน้าปิดดีลลูกค้าปีนี้ 150,000 ตร.ม. เตรียมส่งอาคารอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ “Built-to-Function” ลงสนาม พร้อมเปิดโรดแมป 10 ปี ปั้นทาวน์ชิปบนแลนด์แบงก์ 4,600 ไร่ ย่านบางนา มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท คาดปี 67 เริ่มเปิดรับลูกค้า หลังทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท พัฒนาโครงสร้าง-ถนนในโครงการ

นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ FPIT กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมของปี 66 ยังเติบโตต่อ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวจากภาวะการบริโภค แม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก แต่ภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่มยังสามารถเติบโตได้ดี ประกอบกับการย้ายฐานและขยายการลงทุนมาที่ไทยมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดย FPIT เล็งเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโตผ่านความได้เปรียบจากภูมิศาสตร์การเมืองโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิต และยังได้รับแรงสนับสนุนจากเทรนด์การทำธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) ที่เปิดโอกาสให้ FPIT ได้ใช้ศักยภาพและความเป็นผู้นำกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรมในการพัฒนา Green Building Solution เพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการยกระดับความยั่งยืนในระบบซัปพลายเชน

“ด้วยยุทธศาสตร์ “เราพร้อม-เราต่าง” ของ FPIT ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มขีดความสามารถเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจอาคารอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ได้เป็นอย่างดี โดยใช้โรงงานและคลังสินค้าที่มีอยู่แบบ On Demand พร้อมต่อการให้บริการอย่างทันที ด้วยการส่งมอบโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าคุณภาพสูงแบบสำเร็จรูป (Ready-Built) และสร้างความต่างในการให้บริการ Specialized Facility ที่มีความพิเศษเฉพาะตัวตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละรายในรูปแบบสร้างความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit)”

ทั้งนี้ FPIT ยังคงความสามารถในการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการ 3.5 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) โดยมีอัตราการเช่าเฉลี่ย 85% ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ในการลงทุนพัฒนาและเพิ่มพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการตามเป้าหมายภายใน 3 ปี หรือภายในปี 69 เป็น 4 ล้านตร.ม. ซึ่งจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินของอาคารอุตสาหกรรมขยับไปอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท จากที่ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นอาคารอุตสาหกรรมที่ 75,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ในปีนี้จะมีอาคารอุตสาหกรรมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบอาคารอีกกว่า 140,000 ตร.ม. โดยทั้งหมดเป็นอาคารแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า ส่วนธุรกิจในต่างประเทศทั้งนิคมอุตสาหกรรมและคลังสินค้าที่เมืองบินห์เยือง ประเทศเวียดนาม และโครงการโลจิสติกส์เซ็นเตอร์ ในเมืองคาราวัง เมืองมากัซซาร์ และเมืองบันจาร์มาซิน ประเทศอินโดนีเซีย มีจำนวนลูกค้าและอัตราการเช่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยบริษัทตั้งเป้าว่าในระยะ 3 ปีจากนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเช่าเพิ่มเป้น 90% จากที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเช่า 85%

“FPIT ยังมีแผนพัฒนาโซลูชันสินค้าและบริการรูปแบบใหม่เพื่อเติมเต็มดีมานด์ใหม่ของตลาด ด้วยการพัฒนาอาคารอุตสาหกรรม “แบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้” หรือ “Built-to-Function” ที่จะพร้อมให้บริการเร็วๆ นี้ ซึ่งรองรับลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ที่เชี่ยวชาญสินค้า/บริการเฉพาะทาง และลูกค้าองค์กรทั่วไปที่ต้องการใช้อาคารเฉพาะทางพร้อมใช้ โดยเพิ่มเติมความเหนือระดับเข้าไปในอาคาร Ready-Built ด้วยการเสริมมาตรฐานและฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การดำเนินงานของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

นายโสภณ กล่าวว่า นอกจากนี้ เฟรเซอร์ฯ ยังได้ร่วมกับบริษัททีอาร์เอแลนด์ ซึ่ง เฟรเซอร์ฯ ถือหุ้น 50% ในการพัฒนาโครงการทาวน์ชิป บนพื้นที่ 4,600 ไร่ ในทำเลบางนา มูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมภายในประกอบไปด้วย ศูยน์โลจิสติกส์ คลังสินค้าและโรงงาน ออฟฟิศเช่า และที่อยู่อาศัย โดยในเฟสแรกจะเน้นพัฒนาในส่วนของโครงการโลจิสติกส์ และอาคารอุตสาหกรรมก่อนเนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ผังเมืองสีม่วง ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม โดยความคืบหน้าโครงการขณะนี้เริ่มลงทุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภคและถนนก่อน โดยใช้งบลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท คาดว่างานโครงสร้างจะเสร็จในปี 67 และจะเริ่มเปิดรับลูกค้าได้


กำลังโหลดความคิดเห็น