หุ้น 3 ใน 4 บริษัทจดทะเบียนใหม่ที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้น หลังคดีฉาวโฉ่คดีปล้นในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STRAK ราคายังดำดิ่งไหลลงต่ำกว่าราคาจองต่อไป ทำให้นักลงทุนที่ซื้อไว้และยังไม่ได้ขายเจ็บหนัก
หุ้นบริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ราคาเสนอขายนักลงทุนครั้งแรกที่ 10.50 บาท เข้ามาซื้อขายวันแรก 21 มิถุนายนที่ผ่านมาในตลาด SET ราคาปิดที่ 6.35 บาท สิ้นสุดวันที่ 13 กรกฎาคม ลงมาปิดที่ 5.70 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 4.80 บาท หรือต่ำกว่าจอง 45.71%
หุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่ตัวต่อมาคือ หุ้นบริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL ราคาเสนอขายนักลงทุนครั้งแรก 3.30 บาท เข้ามาซื้อขายในตลาด MAI วันแรก 30 มิถุนายน ในตลาด MAI ราคาปิดที่ 2.22 บาท ล่าสุดปิดที่ 1.97 บาท ต่ำกว่าจอง 1.33 บาท หรือต่ำกว่าจอง 40.33%
และหุ้นน้องใหม่ตัวสุดท้าย หุ้นบริษัท แพทย์รังสิต เฮ้ลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG ราคาเสนอขายนักลงทุนครั้งแรก 21 บาท เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก 6 กรกฎาคม ราคาปิด 16.30 บาท ล่าสุดปิดที่ 15 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 6 บาท หรือต่ำกว่าจอง 28.57%
ปัญหาหุ้นน้องใหม่ที่สร้างความเสียหายให้นักลงทุนเกิดขึ้นมาตลอด 48 ปีของการก่อตั้งตลาดหุ้น เพียงแต่ช่วงใดจะเกิดขึ้นมากน้อยเท่านั้น โดยบางปีมีหุ้นใหม่หลายสิบบริษัทหรือจำนวนกว่าครึ่งของหุ้นใหม่ที่เข้าซื้อขายในปีเดียวกันราคาต่ำกว่าจอง
และช่วงนี้เริ่มเข้าสู่วัฏจักรหุ้นใหม่ราคาต่ำกว่าจองอีกครั้ง ซึ่งต้นเหตุสำคัญเกิดจากการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นที่สูงเกินไป โดย 3 หุ้นใหม่ที่ราคาต่ำจอง เสนอขายหุ้นภายใต้ค่าพี/อี เรโช สูงกว่าค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 17 เท่าทั้งสิ้น
นอกจากนั้น ยังมีผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมบางคน ซึ่งหุ้นไม่ติดไซเรนพีเรียด หรือการกำหนดช่วงเวลาห้ามขายหุ้น ได้เทขายหุ้นออกมา และเทขายหุ้นตั้งแต่วันแรกในราคาที่ต่ำกว่าจองเสียด้วย ซึ่งกลายเป็นอีกแรงกดดันสำคัญที่ทำให้หุ้นต่ำกว่าจอง
ทำไมผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมจึงทิ้งหุ้นทันทีที่เข้าตลาดหุ้น คำตอบง่ายนิดเดียวคือ ราคาหุ้นจูงใจให้ขาย
ถ้าราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนไม่แพงเกินไป เป็นราคาที่ยุติธรรม มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ สามารถถือเพื่อการลงทุนระยะยาว โดยมีเงินปันผลที่คุ้มค่ากับการลงทุน ไม่มีเหตุผลใดที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมจะทิ้งหุ้นตัวเอง
แต่เมื่อหุ้นมีโอกาสได้เข้าตลาดหุ้น และราคายั่วยวนใจให้ขายทิ้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมบางส่วนจึงทุบหุ้น หอบเงินก้อนโตไปเสวยสุขตลอดชาติ ปล่อยให้ประชาชนผู้ลงทุนต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงไปยาวนาน และไม่รู้ต้องทนถือหุ้นเน่าไปตลอดชาติหรือไม่
เพราะเคยมีกรณีที่นักลงทุนต้องถือหุ้นใหม่ติดมือไปตลอดชาติเกิดขึ้นแล้ว ในคดีบริษัท รอยเนท จำกัด (มหาชน) หรือ ROYNET ซึ่งแต่งบัญชีหลอกลวงเหมือน STARK และเมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2547 ผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นทิ้งทั้งหมด ก่อนบริษัทจะล่มสลาย โดยนักลงทุนนับพันรายต้องถือหุ้น ROYNET มาแล้วเกือบ 20 ปีเต็ม และคงต้องถือต่อไปยังสิ้นลมหายใจ
เพียงแต่คดี ROYNET ผู้บริหารบริษัทต้องชดใช้กรรมในคุกนับสิบปี
การนำหุ้นใหม่มาขาย และราคาต่ำกว่าจอง เพราะกำหนดราคาเสนอขายสูงเกินไป เป็นการเอารัดเอาเปรียบนักลงทุน เป็นพฤติกรรมสูบเงินจากกระเป๋าชาวบ้าน เหมือนการปล้นในตลาดหุ้น
ทั้งที่หุ้นใหม่ที่ระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ ควรตระหนักถึงความรับชอบต่อผู้ลงทุนที่จองซื้อหุ้น ซึ่งอุตส่าห์มอบความไว้วางใจให้ และควรได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยไม่ควรต้องเสียหาย ขาดทุนป่นปี้ ไม่ว่ากรณีใด เว้นแต่เกิดเหตุสุดวิสัย เกิดวิกฤตใหญ่ในตลาดหุ้นกะทันหันเท่านั้น
บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทแกนนำผู้จัดจำหน่ายหรือรับประกันการจำหน่าย (อันเดอร์ไรเตอร์) หุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่ ต้องซักซ้อมทำความเข้าใจ ขอคำมั่นยืนยันจากผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมทุกรายจะไม่ขายหุ้นทิ้ง ในราคาจองหรือราคาต่ำกว่าจอง
เพราะหุ้นใหม่ที่ราคาจองหรือราคาต่ำกว่าจอง ถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่รายใดเทขาย และเทขายหมดมือ ขายจนไม่เหลือหรือไม่เหลือหุนในมือ เป็นการยืนยันว่า ราคาหุ้นใหม่ที่เสนอขาย แพงยับ จนแม้แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมยังทิ้งหุ้น
และเป็นพฤติกรรมเหมือนกับหุ้นใหม่แต่งตัวมาปล้น
การกำหนดราคาหุ้นใหม่แพงๆ โดยตั้งค่าพี/อี เรโชสูงๆ คุยโม้ถึงจินตนาการผลกำไรในอนาคต ชวนฝันถึงแนวโน้มการเติบโตของกิจการ ทำให้การนำหุ้นใหม่เข้าระดมทุนจากประชาชนตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ เป็นวัฏจักรที่ไม่จบไม่สิ้น
ถ้าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานต้นน้ำที่กลั่นกรองการเสนอขายหุ้นใหม่
ถ้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานที่พิจารณาอนุมัติรับหุ้นใหม่
และถ้าบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทอันเดอร์ไรเตอร์ รวมทั้งผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนใหม่ ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อความเสียหายของประชาชนที่จองซื้อหุ้นใหม่
กำหนดราคาเสนอขายหุ้นใหม่อย่างยุติธรรม คนจองซื้อได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม
วงจรอุบาทว์หุ้นใหม่ที่ปล้นเงินนักลงทุนอย่างซ้ำซากจะปิดฉากไปตลอดกาลเสียที