ก.ล.ต. เล็งกล่าวโทษผู้กระทำผิด "สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น" เดินหน้าตรวจสอบตั้งแต่ผู้สอบบัญชี การสร้างหลักฐานเท็จ สร้างราคาปั่นหุ้น พบผิดจริงรับโทษตามกฎ
นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ และรักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.เปิดเผยว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.ทำงานร่วมมือกับ DSI ปปง. ปอศ. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตรวจสอบกรณีของ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ทั้งกรรมการ อดีตกรรมการและอดีตผู้บริหารของ STARK รวม 10 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564-2565 เพื่อลวงบุคคลใดๆ และเปิดเผยงบการเงินในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบการเงิน ที่มีความเสียหายตามงบการเงิน
โดยต้องพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลเป็นเท็จของ STARK ว่ามีใครนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างราคาอินไซด์ข้อมูลหรือไม่ ซึ่งกรณีการซื้อขายบิ๊กล็อตของผู้บริหารในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น โดยหลักการทำได้ แต่ต้องไม่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเท็จไปใช้ประโยชน์ในการซื้อขายหุ้น
ทั้งนี้ ตามอำนาจ ก.ล.ต.สามารถสั่งอายัดทรัพย์ได้ 180 วัน แต่ในส่วนของบริษัทนั้นยังสามารถที่จะทำธุรกรรม และทำธุรกิจได้ตามปกติ เช่น การจ่ายเงินเดือนพนักงาน และค้าขายได้ตามปกติ ส่วนการห้ามออกนอกประเทศนั้นมีระยะเวลา 15 วัน และสามารถที่จะต่ออายุได้ รวมทั้งกล่าวโทษผู้กระทำผิด 10 รายไปแล้ว และอยู่ระหว่างขยายผลผู้กระทำความผิดอื่นๆ เพิ่มทั้งการสร้างราคา การอินไซด์หรือการใช้ข้อมูลภายใน ซึ่งได้ประสานข้อมูลกับ ตลท. หากพบผู้กระทำผิดเพิ่มเติมจะดำเนินการกล่าวโทษ มั่นใจว่า ก.ล.ต.มีหลักฐานเพียงพอในการกล่าวโทษจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สำหรับคำถามที่ว่าเหตุใดจึงไม่มีการดำเนินการใดๆ กับผู้สอบบัญชี เพราะ ก.ล.ต.ไม่ได้มีอำนาจในการถอดใบอนุญาตผู้สอบบัญชี เพราะผู้สอบบัญชีอยู่ภายใต้การดูแลของสภาวิชาชีพบัญชี แต่หากตรวจสอบพบว่าผู้สอบบัญชีมีความผิดในเรื่องการใช้ประโยชน์จากการเผยแพร่ข้อมูลเป็นเท็จ จะถูกดำเนินการตามขั้นตอนอย่างแน่นอน