บล.เอเซียพลัส ประเมิน 3 ปัจจัยกดดันอัพไซด์ตลาดหุ้นไทยเริ่มผ่อนคลาย จากการเมืองเริ่มชัดเจนมากขึ้น -เงินเฟ้อไทยมีแนวโน้มชะลอตัวเด่นกว่าหลายประเทศ และเริ่มเห็นสัญญาณฟันด์โฟลว์เริ่มไหลกลับ ระบุช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมาไหลเข้าตลาดการเงินกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นหุ้นกว่าพันล้าน แถมมี EPS ช่วยเพิ่มแรงส่ง ชี้ EPS ตลาดเพิ่มทุก 1% เพิ่ม Upside ได้อีก 15 จุด ด้าน DBSV แนะ 10 หุ้นเด็ด ซื้อดักจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสูง พร้อมราคายังมีอัพไซด์
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยว่า กำแพงที่เคยกั้นขวาง Upside ของ SET Index ให้ Underperform ตลาดหุ้นโลกค่อยเปิดออก ด้วยปัจจัย 3 ปัจจัย ประกอบด้วย
1. ประเด็นการเมือง เริ่มเข้าใกล้ผลลัพธ์สุดท้ายเข้ามาทุกที ถ้ารัฐบาลใหม่จัดตั้งอยู่ในฝั่งเสียงข้างมาก ช่วยให้ความกังวลและแรงกดดันต่างๆ ต่อตลาดหุ้นที่ผ่านมาลดน้อยลง และน่าจะเห็นการกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่อีกครั้งในช่วงที่เหลือของปี อาจช่วยหนุน EPS ตลาดให้เพิ่มขึ้นได้โดย ESP ที่เพิ่มขึ้น 1% หนุน ดัชนีเป้าหมายของ SET ให้เพิ่มขึ้นได้ 15 จุด
2. เงินเฟ้อไทย มีแนวโน้มชะลอลงเด่นกว่าหลายประเทศ ช่วยหนุนให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดๆ ไป ซึ่ง ณ ดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% จะส่งผลให้ SET Index มีแนวต้านทางพื้นฐานแรกอยู่ที่ 1542 จุด (ภายใต้ MEYG = 4%)
3. เริ่มเห็น Fund Flow ต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดการเงิน โดยช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมาไหลเข้าตลาดการเงิน 1.56 หมื่นล้านบาท (เข้าตลาดหุ้น 1.1 พันล้านบาท , เข้าตลาดตราสารหนี้ 1.5 หมื่นล้านบาท) หากมี Momentumไหลเข้าต่อเนื่องจะช่วยหนุนสภาพคล่อง และ Upside ตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นหากอิง MEYG (-0.5SD) = 3.7% ถือว่า Conservative มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นหลายๆ แห่งทั่วโลก (ส่วนใหญ่ MEYG ต่ำกว่า 3.5%) หนุนเป้าหมาย SET Index เพิ่มขึ้นมา 68 จุด หรือจาก 1520 จุด มาอยู่ที่ 1610 จุด
สรุป กำแพงกัน Upside ของ SET ค่อยๆเปิดออก หากปัญหาทางการเมืองคลี่คลาย แนวต้านทางพื้นฐานแรกจะอยู่ที่ 1542 จุด และถ้าสภาพคล่องเพิ่มหรือ Fund Flow ไหลเข้าจะขยับขึ้นมาที่ 1610 จุด และยังมี Top up ส่วนเพิ่ม ถ้า EPS ตลาดเพิ่มทุก 1% จากมาตการกระตุ้น ช่วยเพิ่ม Upside ได้อีก 15 จุด
DBSV แนะ 10 หุ้นเด็ด ซื้อดักจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสูง
ด้าน บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อปิดงวดงบการเงินไตรมาส 2 หลายบริษัทจดทะเบียนจะประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล จึงสแกนหุ้นที่อยู่ในการวิเคราะห์ (DBSVTH Coverage) เพื่อเฟ้นหาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ฐานะการเงินแข็งแรง และจะจ่ายปันผลระหว่างกาลสูง
ซึ่งจากผลจากการศึกษาพบว่า หุ้นปันผลสูงที่คาดว่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาลในเกณฑ์ดี รวมถึงเป็นหุ้นที่ยังมีอัพไซด์จากราคาปัจจุบัน ได้แก่ LH, ORI, SPALI, MC, SC, KKP, DRT, PTT, ADVANC และ SCC
นอกจากนั้นหุ้นดังกล่าวข้างต้น สามารถสะสมเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาวรับปันผลสูงได้ด้วย เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีธุรกิจมั่นคง โครงสร้างผู้ถือหุ้นแข็งแรง แนวโน้มไปได้ดี โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มศักยภาพ