"อัลติจูด" กางโมเดลธุรกิจใหม่ วางแนวสู่ "แพลตฟอร์มอสังหาฯ" มั่นใจกลยุทธ์และแนวคิดสามารถรับมือความท้าทายของตลาดอสังหาฯ ได้แน่นอน พร้อมเปิดโฉมโครงการ "เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด" หลังละ 115-515 ล้านบาท ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา จิ๊กซอว์สำคัญสู่ความสำเร็จตามแผน new business
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 19,000 ล้านบาท กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ยังมีอุปสรรคอยู่มาก ซึ่งธุรกิจอสังหาฯ ในยุคปัจจุบันจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวธุรกิจรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนมองว่ายุคใหม่ต้องเป็นในรูปแบบของแพลตฟอร์ม เพื่อทำให้ธุรกิจเติบโตและมีความแตกต่างภายใต้วิกฤตและเศรษฐกิจ โดยเป็นทั้งผู้ลงทุนเอง เปิดรับผู้ร่วมทุนทั้งในรูปของเงินลงทุนและที่ดินที่มีศักยภาพ รวมถึงการรับบริหารจัดการเงินลงทุนแบบ Turnkey ซึ่งดำเนินการให้ตั้งแต่ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน การออกแบบโครงการ ว่าจ้างและควบคุมงานก่อสร้าง ตลอดจนจัดหาเงินทุนไปถึงขั้นส่งมอบโครงการให้แก่ผู้ซื้อ โดยรูปแบบดังกล่าวบริษัท อัลติจูดฯ ได้ปรับเปลี่ยนมาตั้งแต่ปี 2561 แล้ว
"เราได้วางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาของกลุ่มลูกค้าเพื่ออยู่อาศัย เเละนักลงทุน ทำให้กลุ่มลูกค้า Wealth Segment ที่มีความกังวลในการลงทุน ได้แก่ ตลาดหุ้น ตลาดทุน หุ้นกู้ เเละอื่นๆ เห็นภาพว่าการลงทุนด้านอสังหาฯ เป็นเครือข่ายการลงทุนที่ใหญ่ที่สุด และถือว่ามีความเสี่ยงต่ำในการลงทุนระยะยาว"
ดังนั้น อัลติจูดฯ จึงใช้โมเดลธุรกิจใหม่ในการพัฒนาโครงการ 'เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด' โครงการบ้านเดี่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินบนพื้นที่กว่า 5 ไร่ บริเวณถนนราษฎร์บูรณะ ซอย 1 เชื่อมต่อถนนเจริญนคร และพระราม 3 ซึ่งทำเลดังกล่าวยากแก่การครอบครองที่ดินมาพัฒนาเอง เนื่องจากที่ดินแปลงใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ห้างไอคอนสยาม-ราษฎร์บูรณะ 1 จะมี 4 ตระกูลใหญ่ที่ครอบครองที่ดิน
โครงการ “เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟร้อนท์ บาย อัลติจูด” ดำเนินการในรูปแบบของบ้านเพื่อการลงทุน เป็นบ้านเดี่ยว 3-4 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 81-221.5 ตารางวา ราคาขายเริ่มต้นที่ 115-515 ล้านบาท หรือ ราคาเริ่มต้นที่ 160,000-270,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) จำนวนเพียง 11 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบ้าน 3 ชั้น ติดแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 4 หลัง ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 1,280-1,580 ตร.ม. และอีก 7 หลัง เป็นบ้านขนาดพื้นที่ใช้สอย 670-735 ตร.ม. ล่าสุดมียอดขายแล้ว 2 ยูนิต
โดยในวันที่ 27 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมกับยูโอบี พริวิเลจ แบงกิ้ง จัดงาน “The Beginning Of Heritage Legacy With The Collection” เปิดตัวโครงการ “เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟร้อนท์ บาย อัลติจูด” ให้ฐานลูกค้าของยูโอบี ที่มีความสามารถซื้อที่อยู่อาศัยระดับ 100 ล้านบาทขึ้นไปได้ โดยบ้านตัวอย่างจะก่อสร้างแล้วเสร็จและให้เข้าชมได้ในกลางปี 2567 และคาดหวังจะสร้างเสร็จและปิดการขายทั้งโครงการในปลายปี 2568
“ภายใต้สภาะปัจจุบันที่เงินล้นระบบ ทำให้กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงในไทยจำนวนหลายหมื่นคน เริ่มไม่เชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหุ้น ตลาดทุน โดยเฉพาะหุ้นกู้ ซึ่งแม้ให้ผลตอบแทนปีละร้อยละ 6-7 แต่มีความเสี่ยง ขณะที่การลงทุนในอสังหาฯ ยังมีที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับที่ดินริมน้ำยังได้ผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินร้อยละ 15-20 ต่อปีด้วย และเมื่อเทียบกับราคาคอนโดมิเนียม ระดับอัลตรา ลักชัวรี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีทั้งแบบขายขาด ปัจจุบันอยู่ที่ 600,000 บาทต่อ ตร.ม. และเช่าระยะยาวอยู่ที่ 450,000 บาทต่อ ตร.ม. ขณะที่บ้านของบริษัทฯ ราคาเริ่มต้นที่ 160,000-270,000 บาทต่อ ตร.ม. เป็นเจ้าของทั้งบ้านและที่ดินริมน้ำ ซึ่งในระยะอีก 10 ปีข้างหน้ามีโอกาสเพิ่มมูลค่าขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 2 เท่า” นายชยพล กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ขาย และก่อสร้างรวม 11 โครงการ มูลค่ารวม 19,000 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้ 1,400 ล้านบาท โดยมีผลกำไรอยู่ที่กว่า 100 ล้านบาท
“โครงการเดอะ คอลเลคชั่น ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด นับเป็นโครงการแรกที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการรุกแผนธุรกิจใหม่ของอัลติจูดอย่างเต็มตัว” นายชยพล กล่าว