โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เมกะโปรเจกต์รูปแบบมิกซ์ยูสที่จะมาเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ บนพื้นที่หัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 ใจกลางกรุงเทพมหานคร ได้อัปเดตความก้าวหน้าของโครงการทั้ง 4 ส่วน ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ โครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส อาคารสำนักงาน เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค เพื่อสืบสานการเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ในทุกรูปแบบ
น.ส.ละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค กล่าวถึงแนวคิดการริเริ่มโครงการนี้ว่า จุดเริ่มต้นของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มาจากการที่เราต้องการสร้างที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์คนเมืองในทุกรูปแบบ เพื่อบาลานซ์การใช้ชีวิตที่มีทุกอย่างใกล้มือ และใกล้ชิดธรรมชาติ รวมถึงมีที่อยู่อาศัยที่พร้อมด้วยการบริการแบบครบวงจร นี่คือหลักยึดมั่นของโครงการนี้ว่าเราอยากให้ทุกคนได้อาศัย ทำงาน และใช้ชีวิตได้อย่างครอบคลุม ซึ่งโครงการที่พักอาศัยของเราเป็นแบรนด์เด็ดเรสซิเดนส์ (branded residence) หมายความว่าเราเป็นเจ้าของเอง เราพัฒนาเอง ดูแลลูกบ้านด้วยตัวเอง ทำให้คนที่มาซื้อเชื่อใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดี
ดุสิต เรสซิเดนเซส ประกอบด้วย 2 ลิฟวิ่งคอนเซ็ปต์ (living concept) ได้แก่ ดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายเกินกว่า 60% และคาดว่าจะสามารถบรรลุยอดขายราว 70-75% ภายในสิ้นปี 2566 โดยล่าสุดสัดส่วนลูกค้าเป็นชาวไทย 85% ต่างชาติ 15% ซึ่งคาดว่าสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะขยับเพิ่มขึ้นตามเป้าที่ตั้งไว้เดิมที่ 35% หลังจากที่ทุกประเทศเปิดให้เดินทางได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ กลุ่มดุสิตธานี ได้จับมือกับพาร์ตเนอร์และเอเยนต์ รวมถึงได้มีการทำโรดโชว์สำหรับกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธในหลายประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อเป็นอย่างมาก โดยดุสิตฯ ได้ทยอยไปเจาะตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน รวมถึงสหรัฐอเมริกาและยุโรปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
น.ส.ละเอียด กล่าวถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยว่า จากการที่เราได้สัมผัสกับผู้ซื้อ แนวโน้มพฤติกรรมของต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้เปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากแค่การลงทุน มาเป็นการอยู่อาศัยระยะยาว ซึ่งตรงนี้ประเทศไทยมีความพร้อมหลายด้านที่เอื้อประโยชน์ต่อการนี้ เช่น มีโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพพร้อมส่งต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก และยังมีเทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้า บุคลากรทางการแพทย์ที่มีฝีมือ และสาธารณสุขที่อยู่ในลำดับแนวหน้าของเอเชีย ทั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคุณภาพของบริการที่ได้รับ ทั้งหมดนี้จึงเป็นปัจจัยหลักที่สามารถโน้มน้าวให้ต่างชาติสนใจมาทำธุรกิจ และอยู่อาศัย รวมถึงสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้
หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยค่อนข้างให้ความสำคัญถึงการอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดีต่อกายและใจ จนเกิดเป็นเทรนด์การพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยคำนึงถึงสุขภาวะและสภาพแวดล้อมที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Well-being & Sustainable Residences) โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่การออกแบบ ด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 7 ไร่ (Roof Park) ที่สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของการอยู่ในเมืองที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติได้พร้อมๆ กัน และสามารถเอื้อประโยชน์แก่ชุมชนโดยรอบ ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์ ได้ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น การใช้คอนกรีตรีไซเคิล ทุกห้องมีระบบเครื่องทำความเย็นที่สามารถกรองอากาศและ PM 2.5 รวมถึงการทำระบบบำบัดน้ำที่ใช้แล้วมารีไซเคิลเพื่อรดน้ำต้นไม้บนรูฟพาร์ค เป็นต้น
ในส่วนโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ ระดับ 6 ดาว จะพร้อมเปิดให้บริการเป็นเฟสแรกในช่วงกลางปี 2567 บนตึกความสูง 39 ชั้น ด้วยจำนวน 257 ห้องพัก ที่ออกแบบให้ทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของความเป็น ‘ดุสิตธานี’ แบบดั้งเดิม โดยส่วนของออฟฟิศและศูนย์การค้าที่อาศัยความเชี่ยวชาญจากเซ็นทรัลพัฒนาซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนของดุสิตธานีในโครงการนี้ จะเปิดให้บริการเป็นเฟสที่ 2 ในช่วงปลายปี 2567 และโครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์ จะทยอยเริ่มโอนในช่วงปลายปี 2568
“เรามีความมั่นใจในทีมงานของบริษัทและผู้รับเหมาที่เราคัดสรรมาสำหรับโครงการนี้ ดุสิตธานีเดิมซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2513 สู่เรสซิเดนส์ และโครงการแบบมิกซ์ยูสในวันนี้ เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ เราเชื่อมั่นว่าที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่พิเศษยิ่งกว่าเดิม เป็นแลนด์มาร์กไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของคนไทย เป็น Here for Bangkok ที่ทุกคนภาคภูมิใจ”