ตำรวจไซเบอร์ปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลกราชาคริปโต Ep.2 ปิดล้อมค้น 10 จุด ขยายผลจับชาวจีนคาคอนโดหรูกลางกรุง หลังก่อเหตุหลอกเพื่อนร่ามชาติสูญเงินกว่า 900 ล้านบาท
วันนี้ (27 มิ.ย.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลกราชาคริปโต Ep.2 ปิดล้อมตรวจค้น 10 จุด ประกอบไปด้วย พื้นที่กรุงเทพกรีฑา 7 จุด ย่านสาทร 1 จุด สมุทรปราการ 1 จุด และที่ อ.พัทยา จ.ชลบุรี 1 จุด แสวงหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
อ่านข่าวประกอบย้อนหลัง >>>กองปราบบุกรวบแก๊งจีน "ราชาคริปโต" ลวง "ลงทุนเทรดคริปโตข้ามชาติ" เสียหายนับหมื่นล้าน
โดยจุดสำคัญคือ การเข้าตรวจค้นห้องชุดชั้น 37 มูลค่า 128 ล้านบาท ภายในคอนโดหรูสูง 70 ชั้น ย่านสาทร กทม. ซึ่งห้องดังกล่าวมีการตกแต่งบิลท์อินสุดหรู โดยพบว่าห้องดังกล่าวเป็นของ นายอาบิน เย่ สามีของนางเคอ ยี เย่ หรือ คี ยี เย่ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาชาวจีนตามหมายจับศาลอาญาที่ 1665-1666/2566 ลงวันที่ 26 พ.ค. ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน ที่ถูกจับกุมไว้ก่อนหน้านี้ ที่หมู่บ้านย่านศรีนครินทร์ กทม.
ซึ่งทาง นายอาบิน เย่ คือ ผู้ต้องหาตามหมายแดงของตำรวจสากล ในความผิดฉ้อโกงประชาชน ที่ทางสาธารณรัฐประชาชนจีนต้องการตัว หลังก่อเหตุหลอกคนจีนสูญเงินมากกว่า 180 ล้านหยวน หรือมากกว่า 900 ล้านบาท
เบื้องต้นพบพยานเอกสารจำนวนมาก และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนที่ถูกทิ้งไว้ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ตรวจสอบ นอกจากนี้ ในจุดอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นบ้านหรูหลังละ 60-80 ล้านบาท รวมทั้งในส่วนที่ จ.สมุทรปราการ และ จ.ชลบุรี ซึ่งในทางสืบสวน พบว่า ถูกซื้อในนามนิติบุคคลของกลุ่มทุนจีน เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดอายัดไว้ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้อง
มีรายงานว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการขยายผลจากปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลก ราชาคริปโต Ep:1 โดยครั้งนั้น บช.สอท.ได้เข้าตรวจค้น 6 จุด ในย่านศรีนครินทร์ และจับกุม นายเซาเซียน ซู อายุ 31 ปี และ นางคี ยิ ยี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาชาวจีนตามหมายจับศาลอาญาที่ 1665-1666/2566 ลงวันที่ 26 พ.ค. ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน หลังก่อเหตุใช้โปรไฟล์ปลอมตีสนิทผู้เสียหายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ก่อนจะชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสําหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัล หรือสินทรัพย์ต่างๆ ในลักษณะหลอกลงทุนไฮบริดสแกม ซึ่งมีผู้เสียหายในพื้นที่ สน.ศาลาแดง สน.โชคชัย และ สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมมูลค่ากว่า 35 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสำหรับผลการปฎิบัติดีงกล่าว ทางตำรวจจะแถลงในเวลา 13.00 น. ที่ บช.สอท. ต่อไป