นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเผย ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (20 มิ.ย.) ที่ระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.79 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.85 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงคืนก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหว sideway ในโซน 34.70-34.80 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตามปัจจัยใหม่ๆ ทั้งประเด็นทิศทางนโยบายการเงินเฟด และการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของทางการจีน
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า อาจยังคงแกว่งตัว sideway ในกรอบเดิม โดยมีโซน 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านสำคัญ ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าในการทยอยขายทำกำไรสถานะ Short THB และขายเงินดอลลาร์สำหรับผู้ส่งออกบางส่วน
แต่หากเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น ซึ่งปัจจัยหนุนในวันนี้อาจมาจากทิศทางเงินหยวนจีนที่คาดว่าจะไก้รับอานิสงส์จากความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังทางการจีนเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เรามองว่าการแข็งค่าของเงินบาทอาจติดอยู่แถวโซนแนวรับ 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์ได้ เนื่องจากในช่วงนี้ค่าเงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลงพอสมควร ทำให้เราเริ่มเห็นโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยนญี่ปุ่นในจังหวะย่อตัวมากขึ้น อีกทั้งผู้นำเข้าบางส่วนอาจเริ่มทยอยซื้อเงินดอลลาร์สำหรับโฟลว์ธุรกรรมจ่ายปลายเดือน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันหยุด Juneteenth อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะการแถลงต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในระยะถัดไป
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวลงราว -1.02% หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอประเมินความชัดเจนของการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน ทำให้ผู้เล่นในตลาดเลือกขายทำกำไรหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมและกลุ่มเหมืองแร่ออกมาก่อน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ในส่วนตลาดค่าเงิน เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐฯ ปิดทำการ ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของตลาดค่าเงินไม่มีทิศทางที่ชัดเจน โดยเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัว sideway เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่ม ซึ่งล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 102.5 จุด
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี (Loan Prime Rate : LPR) ของธนาคารกลางจีน (PBOC) โดยตลาดคาดว่า PBOC อาจปรับลด LPR ลงอย่างน้อย -10bps เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม