"มีนาทรานสปอร์ต" ส่งสัญญาณธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มสดใส ขณะพันธมิตรรายใหญ่ช่วยสนับสนุน ผู้บริหารมั่นใจแนวโน้มธุรกิจยังเติบโตได้ดี เนื่องจากดีมานด์การขนส่งของลูกค้าฟื้นตัว เดินหน้าส่งมอบรถมิกเซอร์ให้ “CPAC- BUA Concrete” ครบตามกำหนด ขณะที่การร่วมลงทุนกับ "ตะวันแดง โลจีสติกส์" หนุนรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 15%
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจครึ่งหลังปี 2566 ของบริษัทฯ มีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มสดใส โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งด้วยรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชนทั้งรายใหญ่และรายย่อยโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการเปิดโครงการใหม่ๆ ซึ่งส่งดีต่อ MENA ที่เป็นผู้ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ และรถเทรลเลอร์ย่อมได้รับประโยชน์ไปด้วย
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ส่งมอบรถมิกเซอร์ หรือรถโม่ผสมคอนกรีต ให้แก่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด หรือที่รู้จักกันในนามคอนกรีตชั้นนำแบรนด์ “ซีแพค (CPAC)” และ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด หรือที่รู้จักกันในนามคอนกรีตชั้นนำแบรนด์ “บัวคอนกรีต (BUA Concrete)” ถือเป็นการเสริมทัพความพร้อมด้านกองยานให้กลุ่มลูกค้าผู้ผลิตคอนกรีต เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนทยอยส่งมอบรถมิกเซอร์ที่เหลืออีกกว่า 40 คันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2566
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมีเป้าหมายรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดเฉพาะทางที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการเติบโตจากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่กับบริษัท ตะวันแดง โลจีสติกส์ จำกัด โดยผ่านบริษัทร่วมทุน คือ ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ในการให้บริการงานขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคแก่กลุ่มค้าปลีก ซีเจ มอร์ ร้านค้าถูกดี มีมาตรฐาน รวมถึงสินค้าในเครือคาราบาวทั่วประเทศ ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน
จากความพร้อมทั้งด้านการลงทุนขยายกองยาน ความพร้อมด้านการให้บริการขนส่งและบุคลากรในสายงานขนส่งที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขยายงานและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการโซลูชันงานขนส่งแบบใหม่ ทำให้มั่นใจจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในอนาคต และส่งผลให้รายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
“บริษัทฯ เชื่อว่าภาพรวมธุรกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ครึ่งปีหลังนี้จะยังคงเติบโตได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ซึ่งผลให้ธุรกิจขนส่งสินค้าทุกประเภทขยายตัวตามไปด้วย ขณะที่การร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรรายใหญ่ช่วยสนับสนุนการเติบโต ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะช่วยสนับสนุนให้รายได้ และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” นางสุวรรณา กล่าว