"จตุภัทร ตั้งคารวคุณ" มองธุรกิจ TOA ปี 66 เติบโต 15% ยังไม่รีวิว แม้โบรกเกอร์ให้แต้มเพิ่มเป้าไปแล้ว พร้อมทุ่มงบลงทุน 800-900 ล้านบาท ขยายธุรกิจในเวียดนาม สร้างโรงงานใน จ.นครปฐม ปรับปรุงใช้เป็น Fully Automation ในการผลิตมากขึ้น แก้ปมแรงงาน แจง STARK ไม่ได้อยู่ใน 7 กลุ่มธุรกิจหลักของ TOA ยันครอบครัว 'ตั้งคารวคุณ' ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เชื่อไม่กระทบบริษัท เหตุ "วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" ถือหุ้นเพียง 9%
นายจตุภัทร ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจของ TOA ในปี 2566 ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มการเติบโตในปีนี้ว่า เรายังคงประเมินการเติบโตรายได้ไว้ที่ระดับ 15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่กว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขการเติบโตมีส่วนผสมของการปรับขึ้นราคาสินค้า และที่สำคัญ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มดีขึ้น เป็นผลจากการเปิดประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและหัวเมืองท่องเที่ยว ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มมีการปรับปรุงและทาสีบ้านใหม่เพิ่มมากขึ้น คอนโดมิเนียมที่มีอายุ 5 ปี หรือ 7 ปี เริ่มทาสีเพื่อให้อาคารมีความใหม่ ช่วยในเรื่องการปล่อยเช่าห้องชุด ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่ในธุรกิจโรงแรมได้มีการรีโนเวตอาคารให้สวยไปก่อนหน้า และจะเริ่มเห็นโรงแรมขนาดกลางและเล็กที่จะลงทุนทาสีโรงแรมใหม่
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ผมว่าเรื่องของต้นทุนไม่ได้ส่งผลกระทบกับเรามากเท่ากับก่อนหน้านี้ เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้การนำเข้าวัตถุดิบถูกลง ซึ่งต้นทุนวัตถุดิบคิดเป็น 70% ของต้นทุนรวมของบริษัท
"ที่เราคงเป้ารายได้ไว้ระดับดังกล่าวคงต้องมาพิจารณาหลังจากปิดงบไตรมาส 2 ก่อน ซึ่งบริษัทอาจจะมีการทบทวนเป้าหมายรายได้ดังกล่าวให้สอดคล้องกับความเป็นจริง หลังจากไตรมาสแรก รายได้สร้างนิวไฮ 5,654 ล้านบาท พร้อมกับแนวโน้มรายได้และกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งปี จากปริมาณความต้องการใช้สีและวัสดุก่อสร้างจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรามองว่าเป็นความเสี่ยง คือ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างรออยู่" นายจตุภัทร กล่าว
ในเรื่องเม็ดเงินการลงทุนใหม่นั้น ตามแผนได้เตรียมไว้ 900 ล้านบาท เป็นการลงทุนขยาย Distribution Center ที่โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ขณะที่การลงทุนในประเทศไทยจะมีการซื้อที่ดินทำโรงงานเพิ่มเติม และปรับปรุงเครื่องจักรให้เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น ช่วยในเรื่องของแรงงานได้
แจงปม STARK ไม่ได้อยู่ใน 7 กลุ่มธุรกิจหลัก
นายจตุภัทร ยังได้กล่าวถึงปมร้อนๆ กรณีของ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่มีนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (พี่ชาย) ลงทุนว่า แม้จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TOA แต่มีสัดส่วนเพียง 9% ไม่ถือว่ามีนัยสำคัญต่อบริษัท และทาง TOA ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ STARK ซึ่งให้ดูผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ ทางกลุ่มตั้งคารวคุณ ที่ดูแล TOA อยู่ คงไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือกรณีของ STARK ได้ เพราะครอบครัวไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว และนายวนรัชต์ ไม่เคยมาพูดคุยในเรื่องนี้ (ย้ำ) ทุกๆ คนโตกันแล้ว แม้จะยอมรับว่า เพื่อนฝูงหลายคนที่เข้าไปลงทุนในหุ้นและหุ้นกู้ STARK เมื่อได้รับความเดือดร้อนก็มาพูดให้ฟัง บางคนถือตราสารอยู่ 70 ล้านบาท มีโทร.หาผม นับแล้วไม่เกิน 10 นิ้ว แต่ขณะที่เห็นว่ายังเร็วเกินกว่าที่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ คงต้องรอติดตามการเปิดเผยงบการเงินของ STARK เหมือนกับนักลงทุนทุกคน (ล่าสุดทาง STARK ได้แจงงบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)
"บทบาทเราเป็นคนนอก ไม่ใช่เราอยากช่วย จะช่วยได้ เราเป็น Sitting Duck ทำอะไรไม่ได้ คงได้แต่ดูเฉยๆ และนายวนรัชต์ ไม่เคยมาเสนอขายธุรกิจ STARK และขณะนี้ถือว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดคุยเรื่องนี้ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ยังอีกไกล เพราะธุรกิจสายไฟของ STARK ถือว่าน่าสนใจ แต่เรายังไม่มีแผนเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มสีและวัสดุก่อสร้าง นอกเหนือจากที่ได้เข้าไปลงทุนแล้วใน 7 กลุ่มธุรกิจ" นายจตุภัทร กล่าว
สำหรับ 7 ธุรกิจหลักภายใต้บริษัท ทีโอเอ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (TOAGH) ธุรกิจหลักกว่า 70% ของรายได้มาจากการผลิตและจำหน่ายสีทาอาคาร (รวมถึงสินค้าในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง) ผลิตภัณฑ์เคลือนพื้นผิว ก่อสร้างและเคมีภัณฑ์ ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจสีอุตสาหกรรมและยานยนต์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ เอ็มจี และซูซูกิ เคมีภัณฑ์ใช้ในบ้าน พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (อสังหาริมทรัพย์) ร้านดองดอง ดองกี้ ที่เป็นธุรกิจร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น และธุรกิจน้ำตาล