เป็นที่รู้กันดีว่า ดัชนี SET High Dividend 30 Index หรือ SETHD จะโดดเด่นในเรื่องหุ้นปันผล เพราะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้คัดกรองเลือกหุ้นปันผลเด่นจากดัชนี SET100 มา 30 ตัว แต่ทว่าหุ้นในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมีอัตราผลตอบแทนราคา YTD ที่ยังติดลบ แต่ยังมีอีก 8 หลักทรัพย์ที่ยังคงมีอัตราผลตอบแทนราคา YTD ที่เป็นบวก ดังต่อไปนี้
1.บมจ.ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 5.96% อัตราผลตอบแทนราคา YTD +22.35% ราคา ล่าสุด ณ 9 มิ.ย.ปิด 52.00 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 52.50/35.75 บาท ค่า P/E 9.46 เท่า Market Cap 54,527.40 ล้านบาท งบไตรมาส 1/2566 คือ 1,579.09 ล้านบาท ขณะที่งบไตรมาส 1/2565 คือ 1,036.45 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 52.36%
ในปี 2566 การเติบโตจะมาจาก 2 ส่วนด้วยกันคือ จากการเติบโตของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิด และจากเงินลงทุนที่ใช้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวมทั้งเงินให้กู้ยืมเพิ่มเติมแก่ธนชาตพลัส ซึ่งในปี 2565 TCAP ได้มีการลงทุนและให้สินเชื่อเพิ่มเติมเป็นจำนวนกว่า 8,200 ล้านบาท
2.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4.40% อัตราผลตอบแทนราคา YTD +17.73% ราคา ล่าสุด ณ 9 มิ.ย. ปิด 1.66 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 1.69/1.09 บาท ค่า P/E 10.50 เท่า Market Cap 160,650.91 ล้านบาท งบไตรมาส 1/2566 คือ 4,294.52 ล้านบาท ขณะที่งบไตรมาส 1/2565 คือ 3,194.90 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 34.42%
โบรกฯ ระบุ TTB คาด NIM จะปรับตัวขึ้นต่อรับการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไตรมาส 3/2566 รับประโยชน์เต็มไตรมาส แนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปี TTB มีโอกาสเติบโต เทียบไตรมาสก่อนหน้าคุณภาพสินเชื่อของ TTB ดี NPL ต่ำ (ไตรมาส 1/2566 ลดลงมาที่ 2.69% เทียบกับไตรมาส 4/2566 ที่ 2.73%)
3.บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.73% อัตราผลตอบแทนราคา YTD +9.80% ราคาล่าสุด ณ 9 มิ.ย.ปิด 4.48 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 4.68/2.84 บาท ค่า P/E 17.11 เท่า Market Cap 66,961.82 ล้านบาท งบไตรมาส 1/2566 คือ 522.70 ล้านบาท ขณะที่งบไตรมาส 1/2565 คือ 656.07 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ -20.33%
ถูกคาดหมายว่าในครึ่งปีหลังจะเข้า SET50 และเป็นผู้นำใน 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ตลอดจนดิจิทัล โซลูชัน ทั้งในไทยและเวียดนาม รับอานิสงส์การย้ายฐานการผลิตของจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ หนุนดีมานด์ของโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูป รวมทั้งพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมให้เพิ่มสูง
4.บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.51% อัตราผลตอบแทนราคา YTD +12.31% ราคาล่าสุด ณ 9 มิ.ย.ปิด 219.00 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 222.00/181.50 บาท ค่า P/E 24.62 เท่า Market Cap 651,351.93 ล้านบาท งบไตรมาส 1/2566 คือ 6,756.93 ล้านบาท ขณะที่งบไตรมาส 1/2565 คือ 6,310.84 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 7.07%
หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2566 ของ ADVANC และปรับประมาณการทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 240 บาท/หุ้น จากเดิม 235 บาท ด้าน Refinitive Consensus จาก 20 โบรกเกอร์ ประเมิน ADVANC คาดว่าจะมีรายได้รวมปี 2566 อยู่ที่ 197,490 ล้านบาท กำไรสุทธิ 29,777 ล้านบาท และราคาเป้าหมาย 240.83 บาท
5.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.50% อัตราผลตอบแทนราคา YTD +10.17% ราคา ล่าสุด ณ 9 มิ.ย.ปิด 19.50 บาท,ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 19.60/14.30 บาท ค่า P/E7.79 เท่า Market Cap 272,533.19 ล้านบาท งบไตรมาส 1/2566 คือ 10,066.60 ล้านบาท ขณะที่งบไตรมาส 1/2565 คือ 8,780.34 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 14.65%
ผู้บริหาร KTB ยังคงเป้าหมายการเติบโตปี 2566 โดยสินเชื่อจะเติบโตได้ 3-5% จากปีก่อน จากสินเชื่อรายใหญ่และรายย่อย ส่วน Net Interest Margin หรือ NIM จะมากกว่า 2.8% และมีโอกาสได้ถึง 3.0% ได้โดยจะเห็นการเพิ่มขึ้นของ NIM จนถึงไตรมาส 3/2566 ขณะที่ไตรมาส 4/2566 จะเริ่มเร่งหาเงินฝากประจำเพิ่มขึ้น
6.บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.27% อัตราผลตอบแทนราคา YTD +12.82% ราคาล่าสุด ณ 9 มิ.ย.ปิด 55.00 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 61.00/38.00 บาท ค่า P/E16.27 เท่า Market Cap 75,523.38 ล้านบาท งบไตรมาส 1/2566 คือ 1,200.42 ล้านบาท ขณะที่งบไตรมาส 1/2565 คือ 1,035.95 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 15.88%
บริษัทคาดแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/66 น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/66 ตามซีซันของธุรกิจที่ไตรมาส 1 และไตรมาส 2 การเติบโตจะใกล้เคียงกัน แต่กำไรจะไปเติบโตดีในไตรมาส 3-4 ตามการปล่อยสินเชื่อขยายตัว โดยไตรมาส 2 การปล่อยสินเชื่อเป็นที่น่าพอใจ ส่วนทั้งปี 66 บริษัทยังคงเป้ายอดการปล่อยสินเชื่อเติบโต 20-30% โดยบริษัทเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ในไตรมาส 3-4 นี้
7.บมจ.โอสถสภา (OSP) อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.00% อัตราผลตอบแทนราคา YTD +6.19% ราคาล่าสุด ณ 9 มิ.ย.ปิด 30.00 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 35.25/24.80 บาท ค่า P/E 45.93 เท่า Market Cap 90,112.50 ล้านบาท งบไตรมาส 1/2566 คือ 777.90 ล้านบาท ขณะที่งบไตรมาส 1/2565 คือ 749.71 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 3.76%
โบรกฯ คาดกำไรปกติ Q2/66 ฟื้นตัวทั้ง q-q และ y-y ต่อเนื่องตามการบริโภคที่ฟื้นตัว และอานิสงส์ต้นทุนก๊าซและค่าไฟที่ลดลง หนุนรายได้และ Margin ฟื้น ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้โต Double Digit และ Gross Margin ดีขึ้นทุกไตรมาส หากได้ตามเป้าจะเป็น Upside ต่อประมาณการกำไรปี 66 ปัจจุบันที่ 2.5 พันล้านบาท +29% y-y
8.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 2.76% อัตราผลตอบแทนราคา YTD +10.14% ราคา ล่าสุด ณ 9 มิ.ย. ปิด 163.00 บาท ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 166.50/125.00 บาท ค่า P/E 9.63 เท่า Market Cap 311,141.39 ล้านบาท งบไตรมาส 1/2566 คือ 10,129.29 ล้านบาทขณะที่งบไตรมาส 1/2565 คือ 7,118.06 ล้านบาท อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ 42.30%
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า BBL ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบวกกับ ธ.พ.ใหญ่ ช่วยให้ NIM เพิ่มระยะสั้น ทั้งนี้เพราะสินเชื่อส่วนใหญ่ของ ธ.พ.ใหญ่อิงกับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว แต่เงินฝากส่วนใหญ่เป็นเงินฝากประจำ ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ไว้ในประมาณการ และราคาพื้นฐานหุ้นกลุ่ม ธ.พ.แล้ว
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าใน 8 หุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นในกลุ่มแบงก์มากถึง 4 หลักทรัพย์ ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่มีอนาคตสดใสสำหรับปี 2566 นี้เลยทีเดียว