ล่าตัวโกง-ตามคืนเงิน STARK...แค่ฝันกลางวัน / สุนันท์ ศรีจันทรา

การตามล่าตัวโกง ผู้อยู่เบื้องหลังหายนะใน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เริ่มเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นแล้ว เมื่อผู้บริหารบริษัทฯ ได้แจ้งความต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และและกองบังคับการตำรวจปราบปราม เพื่อให้ติดตามผู้กระทำผิด สร้างความเสียหายบริษัท และติดตามทรัพย์สินคืนเพื่อเยียวยาผู้ถือหุ้น

ไม่มีการเปิดเผยชื่อผู้กระทำความผิดใน STARK แต่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า เป็นอดีตผู้บริหารบริษัทคนใด

การแจ้งความเพื่อให้ดีเอสไอ และกองปราบติดตามคนกระทำผิดใน STARK เป็นการยืนยันว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นแห่งนี้มีการทุจริตจริง มีการโยกย้ายผ่องถ่ายทรัพย์สิน และคณะผู้บริหารบริษัทชุดปัจจุบันน่าจะรู้ดีถึงวงเงินความเสียหายที่เกิดขึ้น

รวมทั้งน่าจะรู้แล้วว่า STARK ได้รับผลกระทบร้ายแรงขนาดไหน ฐานะทางการเงินน่าเป็นห่วงเพียงใด

โจทย์สำคัญขณะนี้คือ จะไล่ลาตัวโกงใน STARK กลับมาลงโทษ ชดใช้กรรมได้หรือไม่ และการติดตามทรัพย์สินที่ถูกผ่องถ่ายจะเป็นไปได้จริงเพียงใด

ดูเหมือนผู้บริหาร STARK แสดงความมั่นใจว่า จะติดตามตัวโกงมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุดได้ รวมทั้งทรัพย์สินของเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นที่ถูกปล้นไป

ความมั่นใจการติดตามตัวโกงและทรัพย์สินกลับมาได้ อาจมีผลต่อการเก็งกำไรหุ้น STARK เพราะถ้าตามทรัพย์ส่วนใหญ่คืนมาได้ ฐานะบริษัทคงไม่เลวร้ายจนเกินไปนัก

แต่ความเป็นไปได้ในการลากคอคนหรือกลุ่มคนที่มีส่วนร่วมกันทำให้ STARK ล่มสลาย แทบไม่มี หรือเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้มีแค่ศูนย์

เว้นแต่คนที่ร่วมขบวนการโกงยังไม่หนีออกนอกประเทศเท่านั้น

เพราะหัวโจกขบวนการโกง หอบเงินนับหมื่นล้านบาท เผ่นหนีออกไปเสวยสุขอยู่นอกประเทศแล้ว

และไม่ใช่ผู้บริหารจดทะเบียนรายแรกที่หอบเงินหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ

นายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรายแรกๆ ที่หนีคดีหุ้นบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNIC ซึ่งโยงใยในการยักยอกทรัพย์บริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด

PICNIC เป็นหุ้นสุดฉาวโฉ่ตัวหนึ่ง และเป็นหุ้นที่ทำให้ ส.ส.เจ๊งกันแทบทั้งสภา เพราะมีการออกหุ้นเพิ่มทุน เสนอขายนักลงทุนทั่วไป ในราคาประมาณ 30 บาท โดยนายสุริยา ได้นำโควตาจัดสรรแจกนักการเมืองจำนวนมาก

แต่ก่อนหุ้นเพิ่มทุน PICNIC จะเข้าซื้อขาย เริ่มมีข่าวลือร้ายๆ เกี่ยวกับการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส ทำให้ราคาหุ้นทรุดลงมา ส.ส.ที่รับโควตาจอง และหวังรวยจึงเจ็บตัวตามๆ กัน จนมีเสียงบ่นดังลั่นออกนอกสภา

ตั้งแต่หนีออกนอกประเทศ นายสุริยา หายเข้ากลีบเมฆ และจนบัดนี้ไม่มีใครรู้ว่า นายสุริยาอยู่แห่งหนตำบลใดในโลก เพราะไม่มีช่าวหรือเบาะแสใดๆ

อีกรายที่หอบเงินหนีตามนายสุริยา คือ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ อดีตประธานกรรมการบริษัท เอส อี ซี ออร์โต้เซลล์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ซึ่งหนีคดีทุจริต ยักยอกเงินบริษัทฯ โดยคาดว่าหอบเงินนับร้อยล้านเผ่นออกต่างประเทศ และวันนี้ไม่มีใครรู้ว่า นายสมพงษ์หลบอยู่ซอกมุมไหนของโลก

รายล่าสุดที่กำลังถูกตามล่าคือ อดีตผู้บริหาร ตัวโกงสำคัญของ STARK ซึ่งเชื่อว่าเผ่นออกนอกประเทศไปพักใหญ่แล้ว พร้อมเงินก้อนโตนับหมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะหายสาบสูญเช่นกัน

การติดตามคนหรือกลุ่มคนที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงเป็นประวัติการณ์ให้เจ้าหนี้ สถาบันการเงิน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนหุ้นกู้และหุ้นสามัญ STARK อาจเป็นแค่ฝันกลางวัน

ยิ่งการติดตามทรัพย์สิน STARK คืนมา ยิ่งอาจเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ เพราะมีการผ่องถ่ายเงินออกไปล่วงหน้านานแล้ว และถ้าฝากไว้ที่เกาะเคย์แมน กฎหมายคงเอื้อมไปไม่ถึง

หายนะ STARK เกิดขึ้นแล้ว และโอกาสไล่ตามจับตัวโกง หรือตามคืนทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปแทบไม่มีความเป็นไปได้

ปัญหาคือ ทำให้อย่างไรจะป้องกันไม่ให้เกิดการโกงในบริษัทจดทะเบียน ทำอย่างไรที่จะปิดช่องโหวผู้บริหารจดทะเบียนโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สิน

และทำอย่างไรจะไม่เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย STARK

เพราะผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่เป็นโจรใส่สูท อาจกำลังสร้างภาพลวงตา จนดูเหมือนว่ากิจการดี แต่ปฏิบัติการผ่องถ่ายเงินอยู่ในบริษัทจดทะเบียนนับสิบแห่ง

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ รับประกันได้หรือไม่ว่า หายนะจาก STARK จะไม่เกิดขึ้นซ้ำรอย